ในปัจจุบันการเปิดร้านอาหารก็มีรายได้มากกว่า 1 ช่องทางได้ และถ้ายิ่งบริหารจัดการรายได้เก่ง โอกาสประสบความสำเร็จจากการทำร้านอาหารเป็นไปได้ไม่ไกลเกินเอื้อม 

 

คราวที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง เปิดร้านอาหารต้องทำบัญชีอะไรบ้าง ที่เชื่อว่าน่าจะทำให้ทุกคนพอเห็นไอเดียจุดเด่นของธุรกิจ ปัญหา และเรื่องบัญชีที่ต้องจัดการไปแล้ว 

 

ในตอนนี้เราจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า ช่องทางในการสร้างรายได้ของร้านอาหาร จริงๆ แล้วมันมีแค่การขายอาหารเท่านั้นหรือเปล่า และเราจะวางแผนจัดการอย่างไรให้ง่ายต่อการจัดการบ้าง

 

 

ช่องทางรายได้ร้านอาหาร

 

หากพูดถึงช่องทางการทำรายได้จากร้านอาหาร หลักๆ แล้วมาจาก 4 ช่องทางนี้

 

1. ขายอาหาร 

 

แน่นอนสิ ถ้าทำร้านอาหารแล้วไม่ขายอาหารก็ผิดแล้วละ แต่ในปัจจุบัน รูปแบบการขายอาหารเปลี่ยนไป ร้านอาหารทุกวันนี้สามารถขายได้ทั้งออฟไลน์ (หน้าร้าน) และออนไลน์ (ผ่านแพลตฟอร์ม) และที่มากไปกว่านั้นอาหารของเราก็ไม่จำเป็นจะต้องขายแบบปรุงเสร็จก็ได้ เช่น เราอาจจะขายอาหาร pre-cook ให้เป็นเซตสำหรับลูกค้าที่อยู่บ้านเหงาๆ อยากเป็นเชฟที่บ้าน ทำอาหารกินเองได้ และมั่นใจว่ารสชาติไม่พังแน่นอน

 

2. จัดเลี้ยง 

 

รายได้จากการจัดเลี้ยง หรือ Catering Service ก็เป็นอีกช่องทางรายได้รูปแบบหนึ่งที่มีด้วยกันหลากหลายแบบ แตกต่างตามสถานที่ มีให้เลือกตั้งแต่ งานแต่ง งานศพ งานบุญ ถ้าใครบริหารทีมดีๆ จัดเลี้ยงแต่ละครั้งมีรายได้เป็นเงินก้อนใหญ่เข้ามาได้อีกทาง

 

3. สอนทำอาหาร

 

ปัจจุบันร้านอาหารหลายร้าน เปิดช่องทางสร้างรายได้ใหม่อย่างการสอนทำอาหารให้กับลูกค้าที่สนใจ มีทั้งสอนจริงจังแบบไปเปิดร้านเองได้เลย หรือสอนสนุกๆ ให้เด็กๆ มีประสบการณ์

 

4. ขายแฟรนไชส์

 

รายได้จากการขายแฟรนไซส์ ให้ลูกค้าซื้อไปเปิดสาขาในนามแบรนด์เรา รายได้ประเภทนี้ก็เป็น Passive Income ของเจ้าของแบรนด์ได้อีกทาง 

 

วิธีจัดการบัญชีรายได้ร้านอาหาร

 

แม้จะมีรายได้หลายทางจากร้านอาหารสุดที่รัก แต่จะดีที่สุดถ้าเราจัดการกับรายได้ที่เข้ามาแบบเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่ารายได้ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิธีการจัดการบัญชีร้านอาหารเบื้องต้นที่ทุกร้านควรทำ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ แบบนี้

 

 

1. แยกบัญชีรับเงิน

 

เพราะร้านอาหารส่วนใหญ่มีเงินสดเข้ามาในบัญชีทุกวัน แม้จำนวนเงินไม่เยอะมาก แต่ว่าถ้าร้านไหนขายดี ก็จะมีเงินสดเข้าถี่แบบสุดๆ ดังนั้น วิธีการเช็กเงินเข้าในแต่ละวันแบบง่ายๆ จะทำได้ก็ต่อเมื่อเราแยกบัญชีเงินรับและจ่ายออกจากกัน หรืออาจจะหาแอปพลิเคชั่นในการบันทึก สิ้นวันปุ๊บ รู้เลยว่า ยอดเงินเข้าวันนี้รวมเป็นทั้งหมดกี่บาท

 

และเมื่อถึงเวลาปิดยอดประจำเดือน เราอยากจะโอนยอดเงินเข้าไปเป็นบัดเจ็ตค่าใช้จ่ายสำหรับเดือนหน้าก็ทำได้เป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว วิธีนี้ช่วยลดความสับสนเวลาทำบัญชี และเป็นวิธีควบคุมเงินเข้าเบื้องต้นที่ทำได้ไม่ยากเลย

 

2. ออกเอกสารให้ครบ

 

ถัดมา ทุกคนอาจจะแฮปปี้ที่มีเงินเข้าร้าน แต่ในเชิงบริหารก็อาจจะยังไม่เคลียร์ ถ้าเห็นแค่ยอดเงินเข้าในบัญชี แต่ไม่รู้ว่าเงินทั้งหมดนี้มาจากค่าอะไร 

 

ขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้เรารู้ลึกกว่าเดิมว่า รายได้ทั้งหมดของเรามาจากไหนคือ การออกเอกสารรับเงินให้ครบถ้วน ซึ่งอาจจะออกผ่านแอป POS ร้านอาหาร หรือใช้โปรแกรมบัญชี FlowAccount ที่รองรับการออกใบเสร็จรับเงินหลายรูปแบบ เช่น 

 

• ร้านอาหารเล็กๆ ยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เราก็ตั้งค่าออก “ใบเสร็จรับเงิน” ให้ลูกค้าได้
• ร้านอาหารใหญ่ขึ้นมาหน่อย จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว เราออกเป็น “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ/ใบเสร็จรับเงิน” ให้ลูกค้าได้

 

 

เล่ามายาวถึงตรงนี้ ทุกคนคงนึกในใจแล้วว่า เอ๊ะ แล้วการออกเอกสารทีละใบจะทำให้เรารู้ได้ไงว่าเงินมาจากค่าอะไรบ้าง เดี๋ยวเรามาดูกันต่อในขั้นตอนถัดไปเลย

 

3. วิเคราะห์รายงาน

 

ถ้าเราบันทึกเอกสารไว้ครบหมดแล้วด้วยโปรแกรมบัญชี เราจะมี “รายงานยอดขาย” เรียกออกมาดูได้ในพริบตา 

 

แตกต่างกับการออกเอกสารแบบแมนวลที่จดออร์เดอร์มาเสียบกระดาษข้างเตา แล้วสุดท้ายเราต้องมานั่งรวมเลขหลังปิดร้าน บิลหายบ้าง บวกเลขผิดบ้าง เสียเวลาไม่ใช่น้อยในแต่ละวัน

 

ถ้าเรามีระบบออกเอกสารอัตโนมัติ ที่เรียกดูรายงานยอดขายได้ มันช่วยให้เรารู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา

 

• ร้านมีรายได้ประเภทไหนบ้าง เช่น ค่าอาหาร ค่าจัดเลี้ยง ค่าสอนทำอาหาร
• ขายอาหารให้ใคร และผ่านช่องทางใดมากที่สุด
• เมนูอาหารไหนขายดีในแต่ละเดือน
• รับเงินแล้วเมื่อไร 

 

นี่เป็นข้อมูลชั้นดีที่ช่วยให้เราวิเคราะห์ว่า ร้านอาหารเรานี้ มีความสามารถในการสร้างรายได้ยังไงบ้าง 

 

เช่น ช่วงนี้ขายอาหารหน้าร้านไม่ดี แต่คนนิยมสั่งกลับบ้าน มันอาจจะทำให้เรามีไอเดียในการคิดโปรโมชั่นและวางแผนกลยุทธ์ร้านได้ดีขึ้น

 

นอกจากนี้แล้ว รายงานยอดขายประจำวันเป็นตัวช่วยสำคัญให้เราตรวจสอบความถูกต้องระหว่าง “ยอดเงินเข้าในบัญชีธนาคาร” กับ “การลงบัญชี” ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 

 

 

โดยสรุปแล้ว ธุรกิจร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จอาจมีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง ถ้าเราวางกลยุทธ์ดีๆ 

 

ส่วนร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จกว่า นอกจากจะมีรายได้มากกว่า 1 ช่องทางแล้ว เจ้าของธุรกิจก็ยังต้องรู้วิธีสร้างรายได้ให้เติบโตแต่ละทางจากการมีข้อมูลบัญชีด้วย 

 

ทีนี้ตาคุณแล้วละว่า จะเลือกเป็นร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จแบบไหน