การเลิกจ้างนับเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนที่สุดสำหรับฝ่าย HR เพราะไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของพนักงาน แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่นายจ้างต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หนึ่งในหัวใจสำคัญของกระบวนการนี้คือ เงินชดเชยเลิกจ้าง ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่ลูกจ้างพึงได้รับตามที่กฎหมายกำหนด |
สำหรับ HR หรือเจ้าของกิจการ การทำความเข้าใจเรื่องเงินชดเชยเลิกจ้างจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการจ่ายเงิน แต่คือการบริหารจัดการการบุคลากรอย่างมืออาชีพ ถูกต้องตามกฎหมาย และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรไปพร้อมกัน บทความนี้จะสรุปทุกประเด็นสำคัญที่ HR ต้องรู้ว่าเงินชดเชยเลิกจ้าง คืออะไร มีหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้างอย่างไรบ้าง เพื่อให้การเลิกจ้างพนักงานเป็นไปอย่างเป็นธรรมที่สุด
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleเงินชดเชยเลิกจ้าง คืออะไร ?
เงินชดเชยเลิกจ้าง คือ เงินที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง "เมื่อต้องการเลิกจ้างพนักงาน" โดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดตามที่กฎของบริษัทกำหนดไว้ ถือเป็นเงินช่วยเหลือเพื่อให้ลูกจ้างมีทุนสำหรับใช้จ่ายในช่วงที่กำลังมองหางานใหม่ โดยเงินชดเชยเลิกจ้าง ไม่ใช่ค่าจ้างหรือสินไหมทดแทน แต่เป็นสิทธิ์ที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้กำหนดไว้เพื่อคุ้มครองลูกจ้างกรณี โดนจ้างออกจากงาน เนื่องจากเหตุผลที่บริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กร ต้องการลดจำนวนพนักงาน หรือเหตุผลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งฝั่งนายจ้างต้องมีการออกหนังสือพ้นสภาพการเป็นพนักงานให้ลูกจ้างด้วย
เงินชดเชยเลิกจ้าง ตามกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างจะได้รับเงินเท่าไร ?
ประเด็นที่ฝ่าย HR และเจ้าของธุรกิจ ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบที่สุดคือ "อัตราการจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง" ซึ่งถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 การคำนวณที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมายและอาจต้องมีการชำระค่าปรับให้ลูกจ้างได้ กรณีที่เรื่องถึงศาลแรงงาน ดังนั้นการทำความเข้าใจเกณฑ์อายุงานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ ได้กำหนดอัตราการจ่ายเงินชดเชยตามอายุงานของลูกจ้าง (นับรวมวันหยุด วันลา และวันที่นายจ้างสั่งให้หยุดงานเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- หากลูกจ้างทำงานมายังไม่ถึง 120 วัน นายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง
- หากลูกจ้างทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
- หากลูกจ้างทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
- หากลูกจ้างทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
- หากลูกจ้างทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
- หากลูกจ้างทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
- หากลูกจ้างทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน
*ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับ เงินชดเชยเลิกจ้าง 2568 และปีต่อ ๆ ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย
นอกจากเงินชดเชยตามอายุงานที่กล่าวมาแล้ว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับ “สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า” หรือที่เรียกกันว่า ค่าตกใจ หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่แจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง และลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ ต่อบริษัท นายจ้างจะต้องจ่ายค่าตกใจเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าจ้างอย่างน้อย 1 รอบการจ่าย เพื่อเป็นค่าเสียหายและช่วยให้ลูกจ้างมีเวลาเตรียมตัวหางานใหม่จากการที่โดนไล่ออกจากงาน กะทันหัน
เงินชดเชยเลิกจ้าง ยื่นภาษีอย่างไร ?
สำหรับคำถามที่ว่า เงินชดเชยเลิกจ้าง ยื่นภาษีอย่างไร นั้นตามกฎหมายภาษีฉบับล่าสุด ได้ระบุสิทธิประโยชน์ไว้ว่า เงินชดเชยเลิกจ้างที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายแรงงาน จะได้รับสิทธิ์ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่เป็นค่าจ้างของการทำงาน 400 วันสุดท้าย แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 600,000 บาท หากเงินชดเชยส่วนที่ได้รับนั้นเกินกว่าเกณฑ์ดังกล่าว ส่วนที่เกินจะต้องถูกนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ
ประเด็นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของ HR ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พนักงานเกี่ยวกับการชำระภาษีที่เกี่ยวข้องกับการเลิกจ้าง เพื่อให้พนักงานสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างเหมาะสม และป้องกันปัญหาการยื่นภาษีที่ไม่ถูกต้องซึ่งอาจตามมาในภายหลัง
เงินชดเชยเลิกจ้าง ประกันสังคม ลูกจ้างจะได้รับสิทธิ์อะไรบ้าง?
เงินชดเชยเลิกจ้าง ประกันสังคม เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ให้ความช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง (และเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33) โดยลูกจ้างจะต้องไปขึ้นทะเบียนว่างงานกับสำนักงานประกันสังคมภายใน 30 วันนับจากวันที่ว่างงาน เพื่อรับสิทธิ์เงินชดเชยกรณีเลิกจ้าง นอกจากนี้ หากพนักงานเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) หรือกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ก็จะได้รับเงินในส่วนนี้ตามเงื่อนไขของกองทุนอีกด้วย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : สิทธิประกันสังคมกรณีว่างงาน และประโยชน์ที่พนักงานควรทราบ
นายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง ภายในกี่วัน ?
ตามกฎหมายแรงงานกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างและค่าจ้างค้างจ่ายอื่น ๆ ให้แก่ลูกจ้าง ‘ในวันที่ตกลงเลิกจ้างทันที’ อีกทั้งหากนายจ้างจ่ายเงินชดเชยล่าช้า จะต้องรับผิดชอบดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีตามระยะเวลาที่ผิดนัด ดังนั้นในมุมของนายจ้างและ HR จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของระยะเวลาในการจ่ายเงินชดเชย การเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงาน ให้ละเอียดที่สุดเพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้องในอนาคต
หลังจากจัดการเรื่องเงินชดเชยเรียบร้อยแล้ว นายจ้างและ HR ก็ต้องเตรียมเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ให้ลูกจ้างนั่นคือ สลิปเงินเดือนเดือนสุดท้าย และ หนังสือรับรองเงินเดือน เพื่อให้ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง นำไปใช้ในการสมัครงานใหม่ต่อไป
สรุปทั้งหมดเกี่ยวกับเงินชดเชยเลิกจ้าง 2568
สรุปแล้ว เงินชดเชยเลิกจ้างเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ HR และนายจ้างควรให้ความสำคัญสูงสุดในการบริหารเมื่อถึงคราวเลิกจ้างพนักงาน โดยต้องมีจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้างให้ถูกต้องตามอัตราอายุงานและภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วย เพราะเรื่องของการจ่ายค่าชดเชยไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำตามกฎหมาย แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณขององค์กรอีกด้วย
การคำนวณเงินชดเชยเลิกจ้างจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของฝ่าย HR ในการตรวจสอบเงื่อนไขตามกฎหมาย แต่โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ FlowAccount Payroll สามารถเข้ามาช่วยจัดการในขั้นตอนสุดท้ายให้เป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ เมื่อ HR ได้ยอดเงินชดเชยที่ถูกต้องแล้ว ก็สามารถบันทึกรายการจ่ายนี้ในระบบของ FlowAccount และทำการจ่ายเงินเดือนงวดสุดท้ายพร้อมกับเงินค่าชดเชยได้อย่างสะดวกและรวดเร็วด้วยบริการ จ่ายเงินเดือนอัตโนมัติผ่าน K-Cash Connect
ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าการจ่ายเงินจะเกิดขึ้นทันทีในวันเลิกจ้าง ลดความเสี่ยงเรื่องการจ่ายล่าช้าและปัญหาทางกฎหมายที่อาจตามมา นอกจากนี้ FlowAccount Payroll ยังช่วยจัดการเรื่องการออกสลิปเงินเดือนฉบับสุดท้าย และจัดทำเอกสารสำคัญอื่น ๆ เช่น ใบทวิ 50 ได้อย่างเป็นระบบ ช่วยลดภาระงานของ HR ให้มีเวลาไปโฟกัสกับการดูแลพนักงานในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนได้อย่างเต็มที่
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง
เพื่อไขข้อสงสัยในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ HR หรือนายจ้าง มักพบเจอเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยมาให้ดังนี้
ถ้าลูกจ้างลาออกเองจะได้รับเงินชดเชยเลิกจ้างหรือไม่?
ตอบ : กรณีลูกจ้างที่ยื่นความประสงค์ขอลาออกเอง จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยเลิกจ้างใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นกรณีที่นายจ้างกระทำผิดกฎหมายแรงงานร้ายแรงจนลูกจ้างต้องลาออกตามมาตรา 122
กรณีไหนบ้างที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง?
ตอบ : นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างหากลูกจ้างกระทำความผิดร้ายแรงตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ทุจริตต่อหน้าที่, จงใจทำให้นายจ้างเสียหาย, ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันควรเกิน 3 วันทำงาน หรือการทำผิดกฎข้อบังคับของแต่ละบริษัท
ถ้าลูกจ้างถูกเลิกจ้างกรณีไม่ผ่านช่วงทดลองงาน นายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างไหม ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการทดลองงาน กรณีที่ลูกจ้างยังทำงานไม่ถึง 120 วัน แล้วนายจ้างเล็งเห็นแล้วว่าลูกจ้างไม่สามารถทำงานตามที่คาดหวังไว้ได้ นายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง เพราะถือว่าระยะเวลายังไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้าง แต่ถ้าลูกจ้างทำงานกับบริษัทมาเกิน 120 วันแล้ว ต่อให้ยังอยู่ในช่วงทดลองงานของบริษัท แต่ถ้านายจ้างต้องการจะเลิกจ้าง ก็ต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างให้กับลูกจ้างด้วย
เงินชดเชยเลิกจ้าง ต้องหัก ณ ที่จ่ายไหม ?
ตอบ : เงินชดเชยเลิกจ้าง ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไหม? ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะเวลาการทำงานของลูกจ้างและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่หากเป็นเงินชดเชยในรูปแบบอื่น ๆ เช่น เงินสมทบพิเศษ หรือเงินวันหยุดที่ไม่ได้ใช้ ฯลฯ นายจ้างจำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งให้กรมสรรพากรเอง
กรณีบริษัทปิดกิจการ ต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างให้ลูกจ้างไหม ?
ตอบ : กรณีที่บริษัทปิดกิจการ จะต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างให้กับลูกจ้างตามกฎหมายแรงงาน รวมถึงเงินค่าตกใจด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้ว การปิดกิจการถือเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุผลที่ทำให้ลูกจ้างไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ซึ่งลูกจ้างจะมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยตามอายุการทำงาน
About Author

Senior Marketer – Inbound / CRO ที่มีพื้นฐานประสบการณ์จากสายสื่อสารมวลชน ยังคงรักในการสัมภาษณ์และอัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ หากมีอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับ FlowAccount จะรีบนำมาเล่าให้ทุกคนได้รู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ