ถ้าตอนนี้ คุณกำลังเสียเวลาไปกับการนั่งเฝ้าจอเพื่อเช็กสลิปโอนเงิน, กังวลกับยอดเงินที่ไม่ตรงตอนสิ้นเดือน หรือต้องคอยตอบคำถามลูกค้าเรื่องช่องทางชำระเงินอยู่หรือเปล่า? ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้กระบวนการขายสะดุด แต่ยังเป็นปัญหาคอขวดที่ทำให้คุณไม่มีเวลาไปโฟกัสกับการเติบโตของธุรกิจ
แต่จะดีกว่าไหมหากมีระบบที่เข้ามาจัดการเรื่องการรับชำระเงินทั้งหมดนี้ให้เป็นอัตโนมัติ ปลอดภัย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าไปพร้อมกัน? นี่คือจุดที่เทคโนโลยีอย่าง Payment Gateway จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจของคุณ บทความนี้ FlowAccount จะพาไปทำความรู้จักว่า Payment Gateway คืออะไร และทำไมถึงเป็นเครื่องมือที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่จะขาดไปไม่ได้
Payment Gateway คืออะไร
Payment Gateway คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์ร้านค้าของคุณ กับธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงิน (Payment Processor) เพื่ออนุมัติและดำเนินการรับชำระเงินจากลูกค้าแบบเรียลไทม์ เปรียบเสมือนเครื่องรูดบัตรเครดิต (EDC) บนโลกออนไลน์ ที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หากยังสงสัยว่า Payment Gateway คืออะไร ลองนึกภาพตามง่ายๆ เมื่อลูกค้ากดสั่งซื้อสินค้าและเลือกชำระเงินบนเว็บไซต์ ระบบ Online Payment Gateway จะเข้ารหัสข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลทางการเงินของลูกค้า แล้วส่งต่อไปยังธนาคารเพื่อตรวจสอบและอนุมัติวงเงิน เมื่อธนาคารอนุมัติ ระบบจะแจ้งกลับมายังเว็บไซต์ว่าการชำระเงินสำเร็จ และร้านค้าสามารถดำเนินการจัดส่งสินค้าต่อไปได้ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
Payment Gateway มีกี่ประเภท ?
หลังจากเข้าใจแล้วว่า Payment Gateway คืออะไร สิ่งสำคัญต่อมาคือการเลือกว่าจะใช้บริการจากผู้ให้บริการรายใด ซึ่งในประเทศไทยสามารถแบ่งผู้ให้บริการ Payment Gateway ออกได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ได้แก่
1. Payment Gateway แบบเชื่อมกับธนาคารโดยตรง (Bank)
Payment Gateway แบบธนาคาร คือ การสมัครใช้บริการกับธนาคารโดยตรง ข้อดีคือเงินค่าสินค้าจะถูกโอนเข้าบัญชีของร้านค้าที่เปิดไว้กับธนาคารนั้น ๆ โดยตรง ซึ่งให้ความรู้สึกปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูง เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนบริษัทและมีบัญชีนิติบุคคลกับธนาคารอยู่แล้ว แต่อาจมีขั้นตอนการสมัครที่ใช้เอกสารค่อนข้างเยอะและใช้เวลาอนุมัตินานกว่า
ตัวอย่างผู้ให้บริการ Payment Gateway แบบเชื่อมกับธนาคาร :
- K-Payment Gateway (ธนาคารกสิกรไทย)
- SCB Payment Gateway (ธนาคารไทยพาณิชย์)
- Krungsri Biz-Gateway (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา)
- Merchant iPay (ธนาคารกรุงเทพ)
2. Payment Gateway แบบใช้ผู้ให้บริการตัวกลาง (Non-Bank)
Payment Gateway แบบ Non-Bank คือ ผู้ให้บริการด้าน Payment Gateway ที่ไม่ใช่สถาบันธนาคาร (FinTech) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับชำระเงินแทนร้านค้า จุดเด่นของ Online Payment Gateway รูปแบบนี้คือขั้นตอนการสมัครที่ง่ายและรวดเร็วกว่ามาก เอกสารไม่ซับซ้อน บุคคลธรรมดาก็สามารถสมัครได้ มีความยืดหยุ่นสูง และมักจะมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายกว่า เช่น รองรับ E-wallet หลายเจ้า ทำให้ตอบโจทย์ธุรกิจ Start Up หรือธุรกิจ Software Technology ได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างผู้ให้บริการ Payment Gateway แบบ Non-Bank :
- Stripe
- Omise
- 2C2P
- PayPal
ทำไม Payment Gateway ถึงสำคัญกับธุรกิจร้านค้าออนไลน์ E-Commerce ?
เพราะในปัจจุบันการมีระบบรับชำระเงินที่ดีไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน และนี่คือเหตุผลว่าทำไม Payment Gateway คือองค์ประกอบสำคัญที่ธุรกิจของคุณต้องมี
ทำให้ลูกค้ามีช่องทางชำระเงินหลากหลาย
พฤติกรรมการชำระเงินของผู้บริโภคในปัจจุบันมีความหลากหลาย การจำกัดช่องทางการชำระเงินเพียงไม่กี่รูปแบบอาจทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสในการขาย การนำระบบ Payment Gateway มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุม ทั้งในรูปแบบ QR Code, PromptPay, บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ถือเป็นการสร้างความสะดวกและมอบทางเลือกให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญและช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงกว่า
ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของการทำธุรกรรมออนไลน์ การใช้ Payment Gateway คือการยกระดับความปลอดภัยให้สูงกว่าการรับโอนเงินโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่ได้มาตรฐาน PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงินที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลบัตรเครดิตที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าจะถูกเข้ารหัสและจัดการอย่างรัดกุม ป้องกันการรั่วไหลหรือการถูกโจรกรรมข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการชำระเงินกับร้านค้าของคุณ
ลดความผิดพลาดและภาระงานด้านบัญชี
ทุกรายการชำระเงินจะถูกบันทึกอย่างเป็นระบบ สามารถตรวจสอบยอดเงินเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย ช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการรับเงินสดหรือการจดบันทึกด้วยตนเอง ทำให้การกระทบยอดบัญชี (Reconcile) ทำได้อย่างสะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น
โดยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ก็มี ‘ระบบรับชำระเงินออนไลน์ผ่าน FlowAccount’ ที่มีฟีเจอร์แจ้งเตือนให้ทันทีว่ามีการรับชำระเงินมาแล้ว และทำการบันทึกลงบัญชีในโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ให้อัตโนมัติทันที เรียกว่าประหยัดเวลาในการทำงานของคุณได้ทันที
รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตแค่ไหน ระบบ Online Payment Gateway ก็พร้อมรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถขยายการรับชำระเงินจากลูกค้าต่างประเทศได้อีกด้วย
Payment Gateway มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร? อธิบายแบบเข้าใจง่าย
เบื้องหลังการชำระเงินที่สำเร็จในไม่กี่วินาทีนั้น มีกระบวนการที่ซับซ้อนและปลอดภัยสูงเกิดขึ้น ซึ่ง Payment Gateway คือตัวกลางที่คอยประสานงานระหว่างส่วนต่าง ๆ ทั้งหมด เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น เราสามารถสรุปขั้นตอนการทำงานโดยละเอียดได้ดังนี้
Step 1 : ลูกค้าเริ่มต้นการชำระเงิน (Initiation)
เมื่อลูกค้าเลือกสินค้าใส่ตะกร้าและเข้าสู่หน้าชำระเงิน (Checkout) ลูกค้าจะกรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ, หมายเลขบัตรเครดิต/เดบิต, วันหมดอายุ และรหัส CVV บนหน้าเว็บที่ปลอดภัย (มีการเข้ารหัสแบบ SSL)
Step 2 : การเข้ารหัสและส่งข้อมูล (Encryption & Submission)
ทันทีที่ลูกค้ายืนยันการชำระเงิน Web Browsers จะทำการเข้ารหัส (Encryption) ข้อมูลทางการเงินทั้งหมด เพื่อป้องกันการดักจับข้อมูลระหว่างทาง จากนั้นข้อมูลที่ปลอดภัยแล้วจะถูกส่งจากเว็บไซต์ของคุณไปยัง Payment Gateway ที่คุณใช้บริการ
Step 3 : การส่งต่อไปยังเครือข่ายประมวลผล (Processing)
เมื่อ Payment Gateway ได้รับข้อมูล จะทำการตรวจสอบเบื้องต้นและส่งต่อไปยัง Payment Processor ของธนาคารฝั่งร้านค้า (Acquiring Bank) จากนั้น Processor จะส่งคำขออนุมัติรายการต่อไปยังเครือข่ายบัตรเครดิตที่เกี่ยวข้อง เช่น Visa, Mastercard, หรือ JCB
Step 4 : การตรวจสอบและขออนุมัติจากธนาคารผู้ออกบัตร (Authorization)
เครือข่ายบัตรเครดิตจะส่งต่อคำขอไปยัง ธนาคารผู้ออกบัตร (Issuing Bank) ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัตรของลูกค้า ธนาคารจะทำการตรวจสอบทันทีว่าบัตรสามารถใช้งานได้หรือไม่, มีวงเงินเพียงพอหรือไม่, และธุรกรรมมีความเสี่ยงทุจริตหรือไม่ จากนั้นจะส่งรหัสตอบกลับ (อนุมัติ หรือ ปฏิเสธ) กลับมาตามเส้นทางเดิม
Step 5 : การแจ้งผลลัพธ์กลับสู่ร้านค้าและลูกค้า (Response)
รหัสตอบกลับจะถูกส่งจากธนาคารผู้ออกบัตร กลับมายังเครือข่ายบัตร, Payment Processor, และมาถึง Payment Gateway ในที่สุด ซึ่ง Gateway จะส่งผลลัพธ์สุดท้ายนี้ต่อไปยังเว็บไซต์ของคุณ เพื่อแสดงข้อความ “การชำระเงินสำเร็จ” หรือ “การชำระเงินล้มเหลว” ให้ลูกค้าทราบ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น
Step 6 : การโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้า (Settlement)
แม้ว่ารายการจะได้รับอนุมัติทันที แต่เงินจะยังไม่เข้าบัญชีร้านค้าในตอนนั้น ในขั้นตอนสุดท้ายที่เรียกว่า Settlement ธนาคารผู้ออกบัตรจะทำการโอนเงินจริงมายังธนาคารฝั่งร้านค้า ซึ่งจากนั้นธนาคารจะนำเงินเข้าบัญชีธุรกิจของคุณตามรอบที่กำหนด (โดยทั่วไปใช้เวลา 1-3 วันทำการ) หลังจากหักค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว
จากขั้นตอนการทำงานของ Payment Gateway ที่กล่าวไป จะเห็นได้ว่า Payment Gateway คือ มากกว่าแค่ระบบรับชำระเงินออนไลน์ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและสร้างความน่าเชื่อถือ และการลงทุนเลือกใช้บริการที่เหมาะสม คือก้าวสำคัญสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
เมื่อมีการรับชำระเงิน FlowAccount มีการบันทึกบัญชีพร้อมออกเอกสารที่ถูกต้องได้อย่างไร
“เพราะหัวใจสำคัญไม่ใช่แค่การรับเงิน แต่คือการที่เงินที่รับมานั้นถูกบันทึกบัญชีและออกเอกสารอย่างถูกต้องทันที” โดยกรณีที่ร้านค้าที่ใช้ FlowAccount ได้มีการตั้งค่าและสมัครรับเงินจาก Payment Gateway แล้ว ขั้นตอนการบันทึกบัญชีลงในระบบของ FlowAccount จะเป็นดังนี้
ร้านค้าเปิดใบเสร็จรับเงิน และส่งลิงก์ให้ลูกค้าจ่ายชำระเงิน

เมื่อลูกค้าชำระเงินผ่าน Payment Gateway ที่เราเชื่อมต่อไว้แล้ว
- Stripe เมื่อได้รับเงินจากลูกค้า ยอดเงินจะปรากฎในระบบไม่เกิน 7 วัน
- Omise เมื่อได้รับเงินเข้ามายอดเงินจะปรากฏในระบบทันที แต่จะถูกเก็บรักษาเป็นเวลา 3-7 วัน โดยจะถูกรวมไว้ที่ ‘ยอดเงินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ’

โดยที่สถานะของใบเสร็จรับเงินจะเปลี่ยนเป็นรับชำระเงินและอัพเดตข้อมูลและช่องทางการรับชำระให้อัตโนมัติ พร้อมต่อการเช็คและกระทบยอด ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อน ไม่ต้องเสียเวลาเช็กสลิปและทำบัญชีเอง และยังช่วยให้กระแสเงินสด ของบริษัทดีขึ้นเพราะเห็นยอดเงินเข้า-ออกอย่างเป็นระบบ

นักบัญชีช่วยปรับปรุงรายการดังกล่าวให้ในระบบหลังบ้าน FlowAccount เมื่อรับโอนเงินจาก Payment Gateway
สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่สนใจใช้งานระบบรับชำระเงินออนไลน์ผ่าน FlowAccount ที่เชื่อมต่อกับ Payment Gateway ได้อย่างไร้รอยต่อ แนะนำศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ https://flowaccount.com/functions/flowpay ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการรับเงินจากลูกค้า สร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องการบันทึกบัญชีอีกด้วย
เปลี่ยนการรับเงินที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่ายและอัตโนมัติ เริ่มต้นใช้งานระบบรับชำระเงินออนไลน์ผ่าน FlowAccount ได้เลย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับระบบ Payment Gateway
Q1: ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท สามารถสมัคร Payment Gateway ได้ไหม?
ตอบ: สามารถทำได้ แต่จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการแต่ละราย สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่ได้จดทะเบียนบริษัท สามารถสมัครใช้บริการของ Stripe ได้ ส่วนผู้ให้บริการ Non-Bank บางราย เช่น Omise (กรณีเชื่อมต่อกับระบบ FlowAccount) และผู้ให้บริการจากธนาคารโดยตรง โดยส่วนใหญ่จะกำหนดให้ผู้สมัครต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนบริษัทแล้วเท่านั้น
Q2: Payment Gateway มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?
ตอบ: โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ แต่โครงสร้างหลักๆ มักจะประกอบด้วย:
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Setup Fee): จ่ายครั้งเดียวตอนเริ่มต้น
- ค่าบริการรายเดือน/รายปี (Monthly/Yearly Fee): ค่ารักษาบริการ
- ค่าธรรมเนียมต่อรายการ (Transaction Fee หรือ MDR): คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายในแต่ละครั้ง
ผู้ให้บริการบางรายอาจยกเว้นค่าแรกเข้าหรือค่ารายเดือน ดังนั้นจึงควรเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจ
Q3: เงินจะโอนเข้าบัญชีร้านค้าภายในกี่วัน?
ตอบ: ระยะเวลาการรับเงิน (Settlement Period) จะขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ให้บริการแต่ละรายและประเภทของช่องทางการชำระเงิน โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-7 วันทำการ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณหลังจากหักค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ตรวจสอบรอบการโอนเงินกับผู้ให้บริการโดยตรงเพื่อความชัดเจน
Q4: Payment Gateway ปลอดภัยจริงหรือไม่?
ตอบ: ปลอดภัยจริง เพราะผู้ให้บริการ Payment Gateway ที่ได้มาตรฐานจะใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลระดับสูง และส่วนใหญ่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกอย่าง PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลบัตรเครดิตโดยเฉพาะ ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่าการรับเงินโอนแบบปกติที่อาจเสี่ยงต่อการปลอมแปลงสลิป
Q5: การเชื่อมต่อ Payment Gateway กับเว็บไซต์ยุ่งยากไหม?
ตอบ: ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีระบบที่เรียกว่า “Plugin” ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเว็บไซต์สำเร็จรูปยอดนิยมอย่าง WooCommerce หรือ Shopify ได้อย่างง่ายดาย และสำหรับเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นเอง ก็จะมี API ให้โปรแกรมเมอร์นำไปใช้เชื่อมต่อระบบได้อย่างสะดวกเช่นกัน
About Author

เพจให้ความรู้เรื่องบัญชีสำหรับเจ้าของธุรกิจ ที่อยากให้บัญชีเป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัว และมีประโยชน์กับธุรกิจ ภายใต้แนวคิดทีว่า “ทำบัญชี แล้วจะมีกำไร”
ร่วมสมัครเป็นนักเขียนกับ FlowAccount ได้ที่นี่
