Payment Gateway คืออะไร? สำคัญกับการทำธุรกิจออนไลน์อย่างไร

Payment Gateway คือ

Payment Gateway คือ หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์ในยุคดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณตัดสินใจซื้อสินค้าและชำระเงินได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง Payment Gateway ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ระบบรับเงินธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือสร้างความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย เพื่อเปลี่ยนทุกยอดการสั่งซื้อของธุรกิจออนไลน์ของคุณ ให้กลายเป็นการชำระเงินที่สมบูรณ์แบบและราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ถ้าตอนนี้ คุณกำลังเสียเวลาไปกับการนั่งเฝ้าจอเพื่อเช็กสลิปโอนเงิน, กังวลกับยอดเงินที่ไม่ตรงตอนสิ้นเดือน หรือต้องคอยตอบคำถามลูกค้าเรื่องช่องทางชำระเงินอยู่หรือเปล่า? ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้กระบวนการขายสะดุด แต่ยังเป็นปัญหาคอขวดที่ทำให้คุณไม่มีเวลาไปโฟกัสกับการเติบโตของธุรกิจ


แต่จะดีกว่าไหมหากมีระบบที่เข้ามาจัดการเรื่องการรับชำระเงินทั้งหมดนี้ให้เป็นอัตโนมัติ ปลอดภัย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าไปพร้อมกัน? นี่คือจุดที่เทคโนโลยีอย่าง Payment Gateway จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจของคุณ บทความนี้ FlowAccount จะพาไปทำความรู้จักว่า Payment Gateway คืออะไร และทำไมถึงเป็นเครื่องมือที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่จะขาดไปไม่ได้

เลือกอ่านได้เลย!

Payment Gateway คืออะไร

Payment Gateway คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์ร้านค้าของคุณ กับธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงิน (Payment Processor) เพื่ออนุมัติและดำเนินการรับชำระเงินจากลูกค้าแบบเรียลไทม์ เปรียบเสมือนเครื่องรูดบัตรเครดิต (EDC) บนโลกออนไลน์ ที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


หากยังสงสัยว่า Payment Gateway คืออะไร ลองนึกภาพตามง่ายๆ เมื่อลูกค้ากดสั่งซื้อสินค้าและเลือกชำระเงินบนเว็บไซต์ ระบบ Online Payment Gateway จะเข้ารหัสข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลทางการเงินของลูกค้า แล้วส่งต่อไปยังธนาคารเพื่อตรวจสอบและอนุมัติวงเงิน เมื่อธนาคารอนุมัติ ระบบจะแจ้งกลับมายังเว็บไซต์ว่าการชำระเงินสำเร็จ และร้านค้าสามารถดำเนินการจัดส่งสินค้าต่อไปได้ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

Payment Gateway มีกี่ประเภท ?

หลังจากเข้าใจแล้วว่า Payment Gateway คืออะไร สิ่งสำคัญต่อมาคือการเลือกว่าจะใช้บริการจากผู้ให้บริการรายใด ซึ่งในประเทศไทยสามารถแบ่งผู้ให้บริการ Payment Gateway ออกได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ได้แก่ 

1. Payment Gateway แบบเชื่อมกับธนาคารโดยตรง (Bank)

Payment Gateway แบบธนาคาร คือ การสมัครใช้บริการกับธนาคารโดยตรง ข้อดีคือเงินค่าสินค้าจะถูกโอนเข้าบัญชีของร้านค้าที่เปิดไว้กับธนาคารนั้น ๆ โดยตรง ซึ่งให้ความรู้สึกปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูง เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนบริษัทและมีบัญชีนิติบุคคลกับธนาคารอยู่แล้ว แต่อาจมีขั้นตอนการสมัครที่ใช้เอกสารค่อนข้างเยอะและใช้เวลาอนุมัตินานกว่า

ตัวอย่างผู้ให้บริการ Payment Gateway แบบเชื่อมกับธนาคาร :

  • K-Payment Gateway (ธนาคารกสิกรไทย)
  • SCB Payment Gateway (ธนาคารไทยพาณิชย์)
  • Krungsri Biz-Gateway (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา)
  • Merchant iPay (ธนาคารกรุงเทพ)

2. Payment Gateway แบบใช้ผู้ให้บริการตัวกลาง (Non-Bank) 

Payment Gateway แบบ Non-Bank คือ ผู้ให้บริการด้าน Payment Gateway ที่ไม่ใช่สถาบันธนาคาร (FinTech) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับชำระเงินแทนร้านค้า จุดเด่นของ Online Payment Gateway รูปแบบนี้คือขั้นตอนการสมัครที่ง่ายและรวดเร็วกว่ามาก เอกสารไม่ซับซ้อน บุคคลธรรมดาก็สามารถสมัครได้ มีความยืดหยุ่นสูง และมักจะมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายกว่า เช่น รองรับ E-wallet หลายเจ้า ทำให้ตอบโจทย์ธุรกิจ Start Up หรือธุรกิจ Software Technology ได้เป็นอย่างดี


ตัวอย่างผู้ให้บริการ Payment Gateway แบบ Non-Bank :

  • Stripe 
  • Omise
  • 2C2P
  • PayPal

ทำไม Payment Gateway ถึงสำคัญกับธุรกิจร้านค้าออนไลน์ E-Commerce ? 

เพราะในปัจจุบันการมีระบบรับชำระเงินที่ดีไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน และนี่คือเหตุผลว่าทำไม Payment Gateway คือองค์ประกอบสำคัญที่ธุรกิจของคุณต้องมี


ทำให้ลูกค้ามีช่องทางชำระเงินหลากหลาย

พฤติกรรมการชำระเงินของผู้บริโภคในปัจจุบันมีความหลากหลาย การจำกัดช่องทางการชำระเงินเพียงไม่กี่รูปแบบอาจทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสในการขาย การนำระบบ Payment Gateway มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุม ทั้งในรูปแบบ QR Code, PromptPay, บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ถือเป็นการสร้างความสะดวกและมอบทางเลือกให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญและช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้เป็นอย่างดี


มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงกว่า

ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของการทำธุรกรรมออนไลน์ การใช้ Payment Gateway คือการยกระดับความปลอดภัยให้สูงกว่าการรับโอนเงินโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่ได้มาตรฐาน PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงินที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก


ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลบัตรเครดิตที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าจะถูกเข้ารหัสและจัดการอย่างรัดกุม ป้องกันการรั่วไหลหรือการถูกโจรกรรมข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการชำระเงินกับร้านค้าของคุณ


ลดความผิดพลาดและภาระงานด้านบัญชี

ทุกรายการชำระเงินจะถูกบันทึกอย่างเป็นระบบ สามารถตรวจสอบยอดเงินเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย ช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการรับเงินสดหรือการจดบันทึกด้วยตนเอง ทำให้การกระทบยอดบัญชี (Reconcile) ทำได้อย่างสะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น 


โดยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ก็มี ‘ระบบรับชำระเงินออนไลน์ผ่าน FlowAccount’ ที่มีฟีเจอร์แจ้งเตือนให้ทันทีว่ามีการรับชำระเงินมาแล้ว และทำการบันทึกลงบัญชีในโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ให้อัตโนมัติทันที เรียกว่าประหยัดเวลาในการทำงานของคุณได้ทันที


รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตแค่ไหน ระบบ Online Payment Gateway ก็พร้อมรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถขยายการรับชำระเงินจากลูกค้าต่างประเทศได้อีกด้วย


Payment Gateway มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร? อธิบายแบบเข้าใจง่าย

เบื้องหลังการชำระเงินที่สำเร็จในไม่กี่วินาทีนั้น มีกระบวนการที่ซับซ้อนและปลอดภัยสูงเกิดขึ้น ซึ่ง Payment Gateway คือตัวกลางที่คอยประสานงานระหว่างส่วนต่าง ๆ ทั้งหมด เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น เราสามารถสรุปขั้นตอนการทำงานโดยละเอียดได้ดังนี้


Step 1 : ลูกค้าเริ่มต้นการชำระเงิน (Initiation)

เมื่อลูกค้าเลือกสินค้าใส่ตะกร้าและเข้าสู่หน้าชำระเงิน (Checkout) ลูกค้าจะกรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ, หมายเลขบัตรเครดิต/เดบิต, วันหมดอายุ และรหัส CVV บนหน้าเว็บที่ปลอดภัย (มีการเข้ารหัสแบบ SSL)


Step 2 : การเข้ารหัสและส่งข้อมูล (Encryption & Submission)

ทันทีที่ลูกค้ายืนยันการชำระเงิน Web Browsers จะทำการเข้ารหัส (Encryption) ข้อมูลทางการเงินทั้งหมด เพื่อป้องกันการดักจับข้อมูลระหว่างทาง จากนั้นข้อมูลที่ปลอดภัยแล้วจะถูกส่งจากเว็บไซต์ของคุณไปยัง Payment Gateway ที่คุณใช้บริการ


Step 3 : การส่งต่อไปยังเครือข่ายประมวลผล (Processing)

เมื่อ Payment Gateway ได้รับข้อมูล จะทำการตรวจสอบเบื้องต้นและส่งต่อไปยัง Payment Processor ของธนาคารฝั่งร้านค้า (Acquiring Bank) จากนั้น Processor จะส่งคำขออนุมัติรายการต่อไปยังเครือข่ายบัตรเครดิตที่เกี่ยวข้อง เช่น Visa, Mastercard, หรือ JCB


Step 4 : การตรวจสอบและขออนุมัติจากธนาคารผู้ออกบัตร (Authorization)

เครือข่ายบัตรเครดิตจะส่งต่อคำขอไปยัง ธนาคารผู้ออกบัตร (Issuing Bank) ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัตรของลูกค้า ธนาคารจะทำการตรวจสอบทันทีว่าบัตรสามารถใช้งานได้หรือไม่, มีวงเงินเพียงพอหรือไม่, และธุรกรรมมีความเสี่ยงทุจริตหรือไม่ จากนั้นจะส่งรหัสตอบกลับ (อนุมัติ หรือ ปฏิเสธ) กลับมาตามเส้นทางเดิม


Step 5 : การแจ้งผลลัพธ์กลับสู่ร้านค้าและลูกค้า (Response)

รหัสตอบกลับจะถูกส่งจากธนาคารผู้ออกบัตร กลับมายังเครือข่ายบัตร, Payment Processor, และมาถึง Payment Gateway ในที่สุด ซึ่ง Gateway จะส่งผลลัพธ์สุดท้ายนี้ต่อไปยังเว็บไซต์ของคุณ เพื่อแสดงข้อความ “การชำระเงินสำเร็จ” หรือ “การชำระเงินล้มเหลว” ให้ลูกค้าทราบ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น


Step 6 : การโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้า (Settlement)

แม้ว่ารายการจะได้รับอนุมัติทันที แต่เงินจะยังไม่เข้าบัญชีร้านค้าในตอนนั้น ในขั้นตอนสุดท้ายที่เรียกว่า Settlement ธนาคารผู้ออกบัตรจะทำการโอนเงินจริงมายังธนาคารฝั่งร้านค้า ซึ่งจากนั้นธนาคารจะนำเงินเข้าบัญชีธุรกิจของคุณตามรอบที่กำหนด (โดยทั่วไปใช้เวลา 1-3 วันทำการ) หลังจากหักค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว


จากขั้นตอนการทำงานของ Payment Gateway ที่กล่าวไป จะเห็นได้ว่า Payment Gateway คือ มากกว่าแค่ระบบรับชำระเงินออนไลน์ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและสร้างความน่าเชื่อถือ และการลงทุนเลือกใช้บริการที่เหมาะสม คือก้าวสำคัญสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน


เมื่อมีการรับชำระเงิน FlowAccount มีการบันทึกบัญชีพร้อมออกเอกสารที่ถูกต้องได้อย่างไร 


“เพราะหัวใจสำคัญไม่ใช่แค่การรับเงิน แต่คือการที่เงินที่รับมานั้นถูกบันทึกบัญชีและออกเอกสารอย่างถูกต้องทันที” โดยกรณีที่ร้านค้าที่ใช้ FlowAccount ได้มีการตั้งค่าและสมัครรับเงินจาก Payment Gateway แล้ว ขั้นตอนการบันทึกบัญชีลงในระบบของ FlowAccount จะเป็นดังนี้


ร้านค้าเปิดใบเสร็จรับเงิน และส่งลิงก์ให้ลูกค้าจ่ายชำระเงิน

เมื่อลูกค้าชำระเงินผ่าน Payment Gateway ที่เราเชื่อมต่อไว้แล้ว 

  1. Stripe เมื่อได้รับเงินจากลูกค้า ยอดเงินจะปรากฎในระบบไม่เกิน 7 วัน
  2. Omise เมื่อได้รับเงินเข้ามายอดเงินจะปรากฏในระบบทันที แต่จะถูกเก็บรักษาเป็นเวลา 3-7 วัน โดยจะถูกรวมไว้ที่ ‘ยอดเงินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ’

โดยที่สถานะของใบเสร็จรับเงินจะเปลี่ยนเป็นรับชำระเงินและอัพเดตข้อมูลและช่องทางการรับชำระให้อัตโนมัติ พร้อมต่อการเช็คและกระทบยอด ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อน ไม่ต้องเสียเวลาเช็กสลิปและทำบัญชีเอง และยังช่วยให้กระแสเงินสด ของบริษัทดีขึ้นเพราะเห็นยอดเงินเข้า-ออกอย่างเป็นระบบ



นักบัญชีช่วยปรับปรุงรายการดังกล่าวให้ในระบบหลังบ้าน FlowAccount เมื่อรับโอนเงินจาก Payment Gateway


สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่สนใจใช้งานระบบรับชำระเงินออนไลน์ผ่าน FlowAccount ที่เชื่อมต่อกับ Payment Gateway ได้อย่างไร้รอยต่อ แนะนำศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ https://flowaccount.com/functions/flowpay ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการรับเงินจากลูกค้า สร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องการบันทึกบัญชีอีกด้วย


เปลี่ยนการรับเงินที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่ายและอัตโนมัติ เริ่มต้นใช้งานระบบรับชำระเงินออนไลน์ผ่าน FlowAccount ได้เลย


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับระบบ Payment Gateway 


Q1: ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท สามารถสมัคร Payment Gateway ได้ไหม?

ตอบ: สามารถทำได้ แต่จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการแต่ละราย สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่ได้จดทะเบียนบริษัท สามารถสมัครใช้บริการของ Stripe ได้ ส่วนผู้ให้บริการ Non-Bank บางราย เช่น Omise (กรณีเชื่อมต่อกับระบบ FlowAccount) และผู้ให้บริการจากธนาคารโดยตรง โดยส่วนใหญ่จะกำหนดให้ผู้สมัครต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนบริษัทแล้วเท่านั้น


Q2: Payment Gateway มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?

ตอบ: โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ แต่โครงสร้างหลักๆ มักจะประกอบด้วย:

  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Setup Fee): จ่ายครั้งเดียวตอนเริ่มต้น
  • ค่าบริการรายเดือน/รายปี (Monthly/Yearly Fee): ค่ารักษาบริการ
  • ค่าธรรมเนียมต่อรายการ (Transaction Fee หรือ MDR): คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายในแต่ละครั้ง

ผู้ให้บริการบางรายอาจยกเว้นค่าแรกเข้าหรือค่ารายเดือน ดังนั้นจึงควรเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจ


Q3: เงินจะโอนเข้าบัญชีร้านค้าภายในกี่วัน?

ตอบ: ระยะเวลาการรับเงิน (Settlement Period) จะขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ให้บริการแต่ละรายและประเภทของช่องทางการชำระเงิน โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-7 วันทำการ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณหลังจากหักค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ตรวจสอบรอบการโอนเงินกับผู้ให้บริการโดยตรงเพื่อความชัดเจน


Q4: Payment Gateway ปลอดภัยจริงหรือไม่?

ตอบ: ปลอดภัยจริง เพราะผู้ให้บริการ Payment Gateway ที่ได้มาตรฐานจะใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลระดับสูง และส่วนใหญ่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกอย่าง PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลบัตรเครดิตโดยเฉพาะ ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่าการรับเงินโอนแบบปกติที่อาจเสี่ยงต่อการปลอมแปลงสลิป


Q5: การเชื่อมต่อ Payment Gateway กับเว็บไซต์ยุ่งยากไหม?

ตอบ: ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีระบบที่เรียกว่า “Plugin” ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเว็บไซต์สำเร็จรูปยอดนิยมอย่าง WooCommerce หรือ Shopify ได้อย่างง่ายดาย และสำหรับเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นเอง ก็จะมี API  ให้โปรแกรมเมอร์นำไปใช้เชื่อมต่อระบบได้อย่างสะดวกเช่นกัน

About Author

รับวันใช้งานฟรี 30 วัน
เมื่อสมัครทดลองใช้ FlowAccount วันนี้
สมัครเลย

บทความที่คุณน่าจะสนใจ