ในช่วงวันหยุดยาวนี้ เจ้าของธุรกิจคนไหนที่มีแผนในใจนอนเหยียดยาวผึ่งพุงดูทีวีอยู่กับบ้าน FlowAccount ขอแนะนำหนัง 8 เรื่องที่เจ้าของธุรกิจควรดูไว้เป็นไอเดียในการทำธุรกิจให้ไปนอนดูเล่นๆ แต่อาจได้แง่มุมในการเริ่มต้นธุรกิจ การสร้างทีมงาน การแก้ปัญหาชีวิตต่างๆ หรือแม้แต่การสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างของตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึง
ภาพ FB: @thefounderfilm
เลือกอ่านได้เลย!
The Founder
คือหนังที่เล่าถึงชีวิตของผู้ประกอบการ เรย์ คร็อก เซลล์แมนที่มองเห็นโอกาสจากร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งเลยขอซื้อแฟรนไชส์มาทำแบรนด์แมคโดนัลด์ จนโด่งดังไปทั่วโลกแทบลืมเจ้าของเดิม หนังเรื่องนี้เผยให้เห็นถึงวิธีการสร้างธุรกิจของคน 2 แบบคือ ผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจจากความคิดสร้างสรรค์ และนักธุรกิจที่มุ่งมั่นจะทำทุกทางอย่างไม่หยุดจนกว่าจะถึงความสำเร็จ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของเรย์ คร็อก ที่มากกว่าความทะเยอทะยาน และมองหาโอกาสอยู่เสมอคือ การสร้างทีม เรย์ คร็อก ไม่เลือกเอาคนบ้านรวยที่ว่างงานมาทำงาน แล้วทำไปสักพักก็มองว่าตัวเองอยู่เหนืองานระดับนี้ แล้วไม่มีใจต่องาน แต่เลือกคนที่มาทำแฮมเบอร์เกอร์อยู่หลังร้านให้แมคโดนัลด์แล้วรู้สึกว่านี่คือโอกาสของชีวิต หากไม่ได้ทำงานที่นี่เขาคงอาจจะไปเก็บขยะอยู่ หรือพ่อแม่เขาอาจจะไม่มีกินก็ได้
ภาพ www.originalfilmart.com
Apollo 13
หนังเล่าถึงเหตุการณ์จริงของโครงการอพอลโล 13 ภารกิจระดับโลกส่งนักบิน 3 คนขึ้นสู่ดวงจันทร์ ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากโครงการอพอลโล 11 แต่ระหว่างทางเกิดเหตุถังออกซิเจนระเบิดขณะเกือบถึงดวงจันทร์ ส่งผลให้ภารกิจถูกยกเลิก นักบินทั้ง 3 และทีมงานนาซ่าจึงต่างต้องหาทางแก้วิกฤติรักษาระบบพลังงานที่ยังเหลือที่จะพายานกลับมายังโลกให้ได้ สิ่งที่จะได้จากหนังเรื่องนี้คือการร่วมมือร่วมใจหาวิธีแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้า สอนให้ตั้งสติ คิดอย่างเป็นระบบ เลือกตัดสินใจแก้ปัญหาในเรื่องที่ใหญ่ก่อนไปแก้เรื่องเล็ก ทีมต้องลดละอีโก้ของตัวเองต่อกันให้ได้ และในสถานการณ์ที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตายจะทำการใดอย่าได้คิดไปเอง
ภาพ IMDb
Moneyball
หนังที่สร้างจากหนังสือเรื่อง Moneyball: The Art of Winning an Unfair Game โดยไมเคิล ลูอิส เล่าถึงวงการเบสบอลและการประเมินการซื้อขายนักกีฬาเบสบอล ผ่านตัวละคร บิลลี บีน ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาเบสบอลและเป็นผู้จัดการทีมทั่วไปของ Oakland Athletics ซึ่งสามารถพาทีมให้ชนะติดต่อกันได้ถึง 20 ครั้ง โดยใช้วิธีการประเมินทางสถิติในการเลือกนักกีฬาที่มีค่าตัวเหมาะสมและมีความสามารถพอที่จะพาทีมไปรอดถึงฝั่งได้ หนังเรื่องนี้เผยถึงวิธีคิดของการทำทีมว่า หากมีเงินทุนจำกัดแล้วจะสร้างทีมขึ้นมาได้อย่างไร จะคัดเลือกคนแบบไหนเข้ามาทำงานให้ จะเลือกแต่คนระดับซูเปอร์สตาร์ที่ขว้างแรง ตีแม่น วิ่งเร็ว แต่ค่าตัวสูงมาก หรือเลือกคนที่มีความสามารถด้านใดด้านหนึ่งหลายคนให้เท่ากับซูเปอร์สตาร์หนึ่งคน ฟังดูแล้วก็ไม่ต่างกับวิธีการหาพนักงานในสตาร์ทอัพเลย
ภาพ goldengloves.com
The Aviator
หนังชีวิตของ ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ส ชายหนุ่มรวยมากๆ คนหนึ่งที่เป็นนักธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน เจ้าของสายการบิน ผู้อำนวยการสร้างหนังฮอลลีวูด นักบิน เจ้าของคาสิโน และทำธุรกิจร่วมกับรัฐบาลอีกมากมาย เรื่องราวเน้นการเล่าถึงความฝันอยากเป็นนักบิน และความสัมพันธ์กับดาราฮอลลีวูดแถวหน้าของวงการ เผยให้เห็นบุคลิกของฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ ที่เป็นนักสร้าง หากสนใจอะไรแล้วก็จะทำไปจนสุดทาง ฝันอยากเป็นนักบิน ก็เลยไปสร้างเครื่องบินเอง ฝึกบินจนเก่งทำลายสถิติการบินได้ หรืออยากสร้างหนังก็จะต้องลงทุนให้สูงที่สุด หวือหวาที่สุด เปลือยที่สุด เป็นชีวิตของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน สร้างตัวตนที่ต้องหรูหรา ดูสูงส่งอยู่เสมอ แต่ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นเพียงช่วงชีวิตหนึ่งในวัยหนุ่มเท่านั้น เพราะในบั้นปลายของชีวิตฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ส ไม่ได้จบลงอย่างสวยงามตามภาพที่เล่ามาตั้งแต่ต้นเลย
ภาพ IMDb
The Blind Side
หนังชีวิตที่เล่าถึงการให้โอกาสคน และสนับสนุนคนให้เดินได้อย่างถูกทาง เล่าถึงชีวิตของ ไมเคิล ออร์ นักอเมริกันฟุตบอลผิวสี Baltimore Ravens ที่ชีวิตในวัยเด็กไมเคิลมาจากครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด พ่อเป็นนักเลง แม่ติดยาเสพติด ไมเคิลเป็นเด็กเร่ร่อน ต้องเปลี่ยนโรงเรียนบ่อย ถูกสังคมรังเกียจ ผลการเรียนไม่ดี ครูเห็นว่าไม่น่าจะช่วยได้ก็ปล่อยปละละเลย จนกระทั่งได้ย้ายมาอยู่ในโรงเรียนคริสเตียนของคนผิวขาว และพบกับครอบครัวของ ลีห์ แอนน์ ทูฮี ดีไซเนอร์ผู้ร่ำรวยจิตใจงดงามรับอุปการะเขา ลีห์ให้โอกาสไมเคิลได้ลองเล่นกีฬา จนเห็นศักยภาพว่ารูปร่างที่ใหญ่โตของไมเคิลเหมาะต่อการเล่นกีฬาชนิดนี้ จึงสนับสนุนทุกๆ ทางให้ไมเคิลเล่นอเมริกันฟุตบอลจนเก่งติดระดับทีมของโรงเรียน และกลายเป็นผู้เล่นที่ทีมจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาดูตัวแล้วต้องการ พร้อมจะมอบทุนการศึกษาให้ไมเคิล ทำให้ไมเคิลกลายเป็นนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จในที่สุด
ภาพ FB: @TheBigShort.TH
The Big Short
หนังอีกหนึ่งเรื่องที่นำเนื้อหาจากหนังสือของไมเคิล ลูอิส เรื่อง The Big Short: Inside the Doomdays Machine มาเล่า และพูดถึงเหตุการณ์จริงในช่วงวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกา (Financial Crisis) เมื่อปี 2007-2008 ผ่านนักลงทุน 4 คน ที่มองเห็นช่องทางในการลงทุนในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังจะพังครืน เนื้อเรื่องจะมีศัพท์แสงการเงินการลงทุนที่ผู้ชมอาจต้องตั้งสติดูกันหน่อย แต่หนังจะเล่าผ่านนักลงทุนทั้ง 4 คนที่มีบุคลิกและนิสัยแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ดร.ที่มองการณ์ไกล เทรดเดอร์ที่ไม่เชื่อใจใคร นักลงทุนที่ลงทุนตามกูรู และนักลงทุนที่มีไลฟ์สไตล์แบบพอเพียง ด้วยบุคลิกเด่นๆ ของแต่ละคนนี้ก็จะเห็นเลยว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเขาไม่ได้ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน ไม่ได้คิดว่าทุกวันจะขายได้ วันดีคืนดีเดี๋ยวน้ำก็ท่วม หุ้นตก คนตีกันเพราะการเมือง หรือเลวร้ายที่สุดคือเศรษฐกิจพัง ดังนั้น ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะใช้ได้อย่างสุรุ่ยสุร่าย หากต้องเตรียมตัว รู้จักวางแผนการเงิน และคาดการณ์อนาคตที่น่าจะเป็นได้
ภาพ FB: @TheInternMovieThailand
The Intern
หนังที่เล่าถึงมุมมองการทำงานของคน 2 รุ่น ระหว่างจูลส์ ออสติน นักธุรกิจสาวยุคเจนวายทำสตาร์ทอัพขายเสื้อผ้าออนไลน์ About the Fit ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กับเบน วิทเทเกอร์ คุณปู่วัย 70 ที่มาเป็นเด็กฝึกงานในโครงการ CSR ของบริษัท การเรียนรู้ระหว่างกันของคน 2 รุ่นทำให้เห็นภาพเปรียบเทียบถึงมุมมองการทำงานและวิธีคิดต่อเรื่องความสัมพันธ์และครอบครัวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น คนเจนวายที่ทำงานแบบเพอร์เฟกชั่นนิสต์ ใส่ใจทุกรายละเอียด คิดเร็ว ทำเร็ว และประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่บุคลิกอีกด้านคือเป็นคนหัวเสียง่ายและเข้ากับคนอื่นยาก ส่วนคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์อย่างเบน ก็มีความสุขุมรอบคอบ เปิดกว้างในการเรียนรู้ และมีประสบการณ์มากกว่าที่จะชี้ทางให้คนรุ่นใหม่มีสติและรู้จักนิ่งมากขึ้น แต่ก็จะถูกคนรุ่นใหม่มองว่าหัวแข็ง เรียนรู้ช้าไม่ทันใจ ซึ่งหนังก็ไม่ได้ให้คำตอบตายตัวว่า สูตรสำเร็จของการทำงานร่วมกันระหว่างคนสองรุ่นแบบไหนถึงจะเกิดความพอดี แต่ไม่ว่าจะอยู่รุ่นไหน สิ่งหนึ่งที่ต้องมีเหมือนกันคือ มีใจต่องานที่ทำ เปิดใจต่อคนรอบข้าง แล้วความสำเร็จทั้งเรื่องงาน เพื่อน และครอบครัว จะตามมาเอง
ภาพ IMDb
The Pursuit of Happiness
ช่วงเวลาที่ท้อแท้ ผิดหวัง หลงทาง หาทางออกของชีวิตไม่เจอ หนังเรื่องนี้ช่วยให้ความรู้สึกดีๆ หวนกลับคืนมาได้ หนังเล่าถึงชีวิตจริงของ คริส การ์ดเนอร์ นักลงทุนในหุ้นที่สร้างฐานะขึ้นมาจากชีวิตที่เคยตกต่ำสุดขีด เพราะพิษเศรษฐกิจ ทำให้อาชีพเซลล์แมนที่เขาทำอยู่ในขณะนั้นไม่สามารถสร้างรายได้เพียงพอให้ครอบครัว ภรรยาก็ตัดสินใจทิ้งเขาไป ปล่อยให้คริสเลี้ยงดูลูกชายเพียงลำพัง คริสกลายเป็นคนไร้บ้าน บางค่ำคืนต้องอาศัยห้องน้ำเป็นที่นอน เมื่อรับรู้ว่าความจนมันน่ากลัวมาก คริสจึงตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเป็นนักลงทุนในหุ้นให้ได้ และเขาก็อดทนและเพียรศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะได้งานนี้มาจนสำเร็จ ด้วยเป้าหมายเพื่อลูกชายตัวน้อยเพียงคนเดียวของเขา