ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาลที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ทั้งการทำผ่านระบบออนไลน์ และการยื่นเอกสาร ณ สำนักงานประกันสังคม โดยเน้นย้ำถึงสิทธิของผู้ประกันตนในการเลือกสถานพยาบาลที่ต้องการ รวมถึงข้อควรพิจารณาในการเลือกสถานพยาบาลใหม่ สำหรับบทความนี้ FlowAccount จะมาช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาล รวมไปถึงการใช้สิทธิ์รักษาต่างสถานที่มาให้ทุกคนทราบกันค่ะ รู้เอาไว้จะได้ไม่เสียสิทธิ์นะคะ |
1. เมื่อนายจ้างขึ้นทะเบียนประกันสังคมให้ลูกจ้าง สามารถเลือกสถานพยาบาลได้ไหม เลือกอย่างไร
ก่อนอื่นเลย เป็นที่รู้กันดีว่า นายจ้างทุกคนเมื่อมีพนักงานเข้ามา ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ให้พนักงานทุกคน โดยใช้แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน สปส.1-03 และต้องแจ้งภายใน 30 วัน และสามารถแจ้งผ่านทางออนไลน์ ระบบ e-Service ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมได้เช่นกัน
โดยในแบบ สปส.1-03 นั้น จะมีช่องให้ผู้ประกันตน เลือกสถานพยาบาล 3 ลำดับ หรือหากเคยเป็นผู้ประกันตนมาแล้ว จะใช้สถานพยาบาลที่เดิม ก็สามารถทำได้ โดยการแจ้งความประสงค์กับ HR ในขั้นตอนกรอกเอกสาร สปส.1-03 ค่ะ
เรื่องราวที่เราคุยกันนี้ ลูกจ้างหลายคน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองสามารถเลือกสถานพยาบาลได้ เพราะ HR บริษัทจัดการเลือกสถานพยาบาลให้เองด้วยความหวังดี แต่ไม่เป็นไรนะคะ ถึงแม้ว่าเลือกสถานพยาบาลไปแล้ว เราก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังค่ะ รออ่านในหัวข้อถัดๆ ไปได้เลย
2. พนักงานบริษัทที่มีสิทธิ์ประกันสังคม ต้องใช้บริการสถานพยาบาลตามสิทธิ์เท่านั้นหรือไม่
หากเราจะคุยกันเรื่องสิทธิ์รักษาพยาบาล เราต้องทำความเข้าใจเรื่องสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยก่อน เดิมทีแล้ว คนไทยทุกคนจะมีสิทธิ์ บัตรทองหรือบัตร 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ติดตัวกันหมดทุกคน ซึ่งรักษาพยาบาลฟรี ตามข้อกำหนด (บางอย่างต้องจ่ายเพิ่ม เช่น ยานอกบัญชี) แต่สิทธิ์บัตรทองหรือบัตร 30 บาทนั้นใช้ได้สำหรับคนที่ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลอื่นของรัฐ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการและครอบครัว เป็นต้น นั่นก็แปลว่า มนุษย์เงินเดือนที่มีสิทธิ์ประกันสังคม มาตรา 33 ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์บัตรทองได้ จนกว่าจะออกจากสิทธิ์ประกันสังคม มาตรา 33 ค่ะ
ส่วนเรื่องของการรักษาพยาบาล เราต้องไปรักษาตัว ณ สถานพยาบาลที่เรามีสิทธิ์อยู่ เพราะจะไม่ต้องสำรองจ่าย และใช้สิทธิ์ได้ตามกำหนด ยกเว้นกรณีเจ็บป่วย หรือประสบอันตรายฉุกเฉิน สามารถเข้ารับบริการได้ทุกที่ แต่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วจึงมาเบิกประกันสังคมภายหลัง
นอกจากนี้ การเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) เราสามารถเข้ารับการรักษาทุกที่ ฟรี! ไม่ต้องสำรองจ่าย ตามนโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่" (UCEP) ซึ่งเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต จะประกอบไปด้วย 6 กรณี ดังนี้
- หมดสติไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
- หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
- เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
- ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม
- แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
- อาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
โดยสรุปก็คือ การใช้สิทธิ์ประกันสังคมกรณีเจ็บป่วยทั่วไปต้องใช้ ณ สถานพยาบาลที่ระบุไว้ ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ใช้สิทธิ์ ณ สถานพยาบาลอื่นได้ค่ะ
3. การเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาลสามารถทำได้ที่ใด ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
สิทธิ์สถานพยาบาลที่เราเลือกไว้แต่แรกนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ เพราะบางทีลูกจ้างย้ายงาน ย้ายที่อยู่ไกลๆ หรือไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเลือกสถานพยาบาลนี้ไว้ (HR ใจดีเลือกให้เอง) แบบนี้อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะลูกจ้างสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาลได้ด้วยตัวเอง ตาม 2 ช่องทางหลัก ดังนี้
ช่องทางสำนักงานประกันสังคมพื้นที่
ใช้เอกสาร แบบเลือกสถานพยาบาลในการรับบริการทางการแพทย์ (สปส. 9-02) ในการยื่นขอเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาล
ช่องทางออนไลน์
Download แอปพลิเคชัน SSO+ หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ www.sso.go.th แล้วเข้าสู่ระบบ เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาล โดยไม่ต้องแนบเอกสารอะไรเพิ่มเติม
4. ขั้นตอนการเปลี่ยนสถานพยาบาลใช้สิทธิ์ประกันสังคม
สำหรับขั้นตอนการเปลี่ยนสถานพยาบาล ไม่ได้ซับซ้อนเลยค่ะ ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เราลองมาดูขั้นตอนพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ช่องทางสำนักงานประกันสังคมพื้นที่
ให้เราเตรียม เอกสาร สปส. 9-02 ถามว่าหามาจากไหน เราสามารถปริ๊นต์มาจากเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมเลยค่ะ หรือกดดาวน์โหลดตรง “โหลดเอกสาร สปส. 9-02” หลังจากโหลดแบบ สปส. 9-02 มาแล้ว ให้เรากรอกเอกสาร โดยส่วนที่เราอาจจะต้องหาข้อมูลเพื่อมากรอกให้ครบถ้วน ดังนี้
- เลขที่บัญชีของสถานประกอบการ (นายจ้าง)
- เข้าทำงานวันที่เท่าไหร่
- ได้รับค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนไหน
ข้อมูลส่วนนี้ เราอาจจะไม่มีอยู่ในมือ แต่เราสามารถไปสอบถามจากนายจ้าง หรือแผนก HR ได้ค่ะ
อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะให้เน้น คือ สถานพยาบาล ลำดับที่ 1-3 เราควรตรวจสอบให้ดีว่า สถานพยาบาลแต่ละแห่ง มีผู้ใช้สิทธิ์เต็มหรือยัง โดยตรวจสอบผ่าน เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th หรือ สายด่วน 1506
*หมายเหตุ หากไม่สามารถจัดสถานพยาบาลลำดับที่ 1 ให้ได้ จะจัดสถานพยาบาลลำดับถัดไปให้
ช่องทางออนไลน์
สำหรับช่องทางออนไลน์ เราขอยกตัวอย่างขั้นตอนในแอปพลิเคชั่น SSO+ เนื่องจากใช้งานง่ายผ่านสมาร์ทโฟนค่ะ
- เข้าใช้งาน แอปพลิเคชั่น SSO+ กดปุ่มเมนู > มุมบนซ้าย
2. ไปที่เมนู และเลือกฟังก์ชั่น “เปลี่ยนโรงพยาบาล”
3. เลือกสถานพยาบาล ที่ต้องการ และเลือกเหตุผลในการเปลี่ยน
4. อ่านเงื่อนไขให้ครบถ้วน กดยอมรับข้อตกลง และกดยืนยัน
สรุป
สิทธิ์ในการรักษารักษาพยาบาลโดยประกันสังคม เป็นสิทธิ์ที่ให้เฉพาะลูกจ้างเท่านั้น (นายจ้าง คุณไม่ได้สิทธิ์นี้ค่ะ) ดังนั้น เราจึงควรรักษาสิทธิ์ของตัวเอง โดยการเลือกสถานพยาบาลที่เรามั่นใจ และเดินทางสะดวก ถ้าเลือกไปแล้วอยากเปลี่ยนแปลง ก็ทำตามขั้นตอนในบทความนี้ได้เลยค่ะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับลูกจ้างในระบบประกันสังคมทุกคนนะคะ
อ้างอิง:
แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส. 1-03)
แบบเลือกสถานพยาบาลในการรับบริการทางการแพทย์ (สปส. 9-02
ความแตกต่างระหว่างสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) และ สิทธิประกันสังคม
About Author
นักบัญชี ผู้สอบบัญชี และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ cpdacademy.co คอร์สอบรมบัญชี CPD ออนไลน์สำหรับผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชี ที่มีประสบการณ์ในวิชาชีพมากกว่า 10 ปี และอยากส่งต่อความรู้เพื่อเพื่อนนักบัญชีให้มีทักษะอย่างมืออาชีพและก้าวทันโลกดิจิทัล
ร่วมสมัครเป็นนักเขียนกับ FlowAccount ได้ที่นี่