ทุกคนสงสัยกันไหมคะว่า รายการย่อในงบการเงินคืออะไร ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี ของบริษัทจำกัด ต้องปรับตัวยังไง มาหาคำตอบได้ที่บทความดีๆจาก FlowAccount เลยค่ะ |
จากนี้ไปถ้าใครเรียก “งบแสดงฐานะการเงิน” ถือว่าเชยแล้วนะ เพราะว่างบนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “งบฐานะการเงิน” เสียแล้ว ที่มาที่ไปก็เกิดจากประกาศฉบับใหม่ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเกี่ยวกับ รายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 นี้
แล้วทุกคนสงสัยกันไหมคะว่า รายการย่อในงบการเงินคืออะไร ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี ของบริษัทจำกัด ต้องปรับตัวยังไง มาหาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleรายการย่อในงบการเงินคืออะไร ? ทำไมต้องมีกำหนดรายการย่อ
รายการย่อในงบการเงิน คือ รายละเอียดของรายการในแต่ละบรรทัดในงบการเงิน ดังนั้น รายการย่อ จึงเป็นรายการที่ แยกย่อยเข้าไปในงบการเงินอีกทีนึงนั่นเอง
แล้วทำไม กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถึงได้ออกประกาศ กำหนดรายการย่อในงบการเงินกันล่ะ?
คำตอบนี้ง่ายมากเลย เพราะทุกคนก็น่าทราบดีว่านิติบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทจำกัดในประเทศไทย มีจำนวนมากมายหลายแสน ถ้าเราไม่มีมาตรฐานเดียวกันในการจัดทำงบการเงินส่งให้หน่วยงานรัฐ รับรองว่า หน่วยงานภาครัฐอย่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร หรือแม้แต่กระทั่งผู้ใช้งบการเงินตาดำๆ มาอ่านงบที่หน้าตาไม่เหมือนกัน น่าจะเป็นงง สับสนกันไปหมดแน่ ที่สำคัญงบแต่ละงบก็จะใช้เปรียบเทียบข้อมูลระหว่างกันยาก ใช้ประโยชน์ได้ยากด้วยค่ะ
ดังนั้น ประกาศของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงกำหนดว่า ทุกบริษัทควรจะมีมาตรฐาน รายการย่อในงบการเงินที่เหมือนกัน ใกล้เคียงกัน และให้ความหมายที่ไม่แตกต่างกัน จึงจะง่ายต่อผู้ใช้งานงบการเงินนั่นเอง
เหตุผลในการปรับปรุงรายการอย่างย่อบนงบการเงิน
เดิมทีแล้วนักบัญชี จะใช้รายการย่อในงบการเงินตาม “ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ 2554” ซึ่งก็คือ ประกาศที่ออกมากว่า 13 ปีแล้วค่ะ
ในขณะที่มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ได้มีการปรับปรุงใหม่เมื่อปี 2565 รวมถึงมาตรฐานบัญชีอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกิจการมีส่วนได้เสียสาธารณะก็ปรับปรุงเนื้อหาอยู่เรื่อยๆ
ดังนั้น รายการย่อในงบการเงินก็ต้องมีการปรับปรุงกันบ้าง มิเช่นนั้น จะกลายเป็นไม่อัปเดตในทิศทางเดียวกันค่ะ
โดยวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ 2566 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้ออก “ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ 2566” เพื่อให้เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ที่สภาวิชาชีพประกาศใช้ในปัจจุบัน
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เริ่มต้นใช้สำหรับงบการเงินในงวด 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป และได้ยกเลิก ประกาศ(รายการย่อ) ฉบับเดิมที่ออกเมื่อปี 2554 ด้วยเช่นกัน
ซึ่งก็หมายความว่า งบการเงินปีประจำปี 2566 ยังใช้ประกาศฉบับเดิมอยู่นะ สำหรับใครที่กำลังทำงบการเงินอยู่ตอนนี้ (ต้นปี 2567) อย่าใช้ประกาศผิดฉบับล่ะ ขอเตือนไว้ก่อนเลย
หมายเหตุประกอบงบการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
การเปลี่ยนแปลงของประกาศฉบับนี้มีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ หมายเหตุประกอบงบการเงิน (บริษัทจำกัด) ข้อ “เกณฑ์ในการจัดทำและนำเสนองบการเงิน” โดยงบการเงินของปี 2566 ให้ระบุว่า
“งบการเงินนี้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ฉบับปรับปรุง 2565) ซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีประกาศกำหนด และประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายงานย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ.2554”
และงบการเงินของปี 2567 ให้ระบุว่า
“งบการเงินนี้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ฉบับปรับปรุง 2565) ซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีประกาศกำหนด และประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายงานย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ.2566”
รูปแบบนี้เป็นรูปแบบการเขียนหมายเหตุประกอบงบการเงิน “แบบปกติ” หากบริษัท มีการใช้รายการย่อในงบการเงินที่แตกต่างกันออกไป จากรูปแบบปกติ ก็ต้องเขียนเกณฑ์ในการจัดทำงบการเงินที่แตกต่าง จากรูปแบบปกติออกไป
เปรียบเทียบรายการย่อที่เปลี่ยนไปของ “บริษัทจำกัด”
และแล้วเราก็มาถึงช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดแล้วค่ะ เพราะทุกคนน่าจะสงสัยใช่ไหมว่า รายการย่อที่เปลี่ยนไปมีอะไรบ้าง ปีหน้าทำงบการเงินต้องแก้กันระนาวเลยไหม ลองมาดูสรุปรายการสำคัญที่เปลี่ยนแปลงในนี้กันค่ะ
โอ้โห! เยอะมากเลยใช่ไหมล่ะ จริงๆแล้วมีเยอะกว่านี้อีกนะ นี่แค่เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างเฉพาะตัวที่เราสามารถพบเจอได้บ่อยเท่านั้นเอง หากใครที่อยากดูเพิ่มเติม สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ : ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ 2566
สรุป
ต้องบอกว่างบการเงินสำหรับปี 2566 นี้ ขอให้สบายใจได้ เพราะว่าประกาศรายการย่อที่มีการเปลี่ยนแปลง ยังไม่ถูกนำมาใช้ แต่สำหรับปี 2567 นักบัญชี หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบการเงิน ควรจะต้องเริ่มวางแผนและร่างหน้างบฉบับใหม่ไว้รอแล้วค่ะ อย่าลืมนะคะว่าในสมรภูมิรบครั้งนี้ ใครวางแผนก่อนได้เปรียบกว่า เพราะเมื่อถึงเวลาหน้า busy season อีกครา พวกเราอาจไม่มีเวลามานั่งแก้ไขข้อมูลแบบรัวๆ ก็เป็นได้ค่ะ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ รายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน
1. การเปลี่ยนแปลง FSLI นี้ กระทบกับการจัดทำ “ผังบัญชี (Chart of Accounts)” ภายในของบริษัทหรือไม่?
ตอบ: ไม่กระทบโดยตรงกับการจัดทำผังบัญชีภายในของคุณครับ คุณยังสามารถใช้ผังบัญชีเดิมที่ออกแบบไว้เพื่อการบริหารจัดการภายในได้ตามปกติ แต่สิ่งสำคัญที่เปลี่ยนไปคือขั้นตอน “การจับคู่ผังบัญชี (Mapping)” ของคุณเข้ากับโครงสร้าง FSLI ใหม่ของ DBD ตอนนำส่งงบการเงินผ่านระบบ e-Filing ดังนั้น หน้าที่ของนักบัญชีคือต้องทำความเข้าใจรายการใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา (เช่น การแยกต้นทุนขายและต้นทุนบริการ) และจับคู่บัญชีภายในของคุณให้ถูกต้องตามหมวดหมู่ใหม่ของ DBD
2. ธุรกิจประเภทใดที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้มากที่สุด?
ตอบ: แม้ทุกธุรกิจต้องปรับตัว แต่กลุ่มที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ:
- ธุรกิจที่มีทั้งการขายสินค้าและให้บริการ: เพราะต้องแยกแสดง “ต้นทุนขาย” และ “ต้นทุนบริการ” ออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งเดิมอาจจะรวมกันอยู่ ทำให้ต้องมีการปันส่วนต้นทุนที่ละเอียดขึ้น
- ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง: เพราะมีรายการ “รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง” เพิ่มขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งต้องแยกแสดงให้ถูกต้อง
- ธุรกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน: เพราะต้องแยกแสดง “อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน” ออกจากรายการ “ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์” อย่างชัดเจน
3. หากจับคู่รายการ (Mapping) ผิดพลาดตอนยื่น e-Filing จะเกิดผลเสียอย่างไร?
ตอบ: การจับคู่รายการผิดพลาดจะส่งผลกระทบหลายด้าน ได้แก่
- การนำส่งงบการเงินอาจถูกปฏิเสธ: ระบบ e-Filing ของ DBD อาจตรวจพบความไม่สอดคล้องกันและปฏิเสธการนำส่ง ทำให้คุณต้องเสียเวลาแก้ไขและยื่นใหม่
- อาจทำให้ยื่นงบล่าช้า: หากการแก้ไขใช้เวลานาน อาจทำให้คุณยื่นงบการเงินไม่ทันตามกำหนดเวลา ซึ่งจะนำไปสู่ค่าปรับ
- การแสดงข้อมูลทางการเงินที่คลาดเคลื่อน: ที่สำคัญที่สุดคือ งบการเงินที่แสดงต่อสาธารณะอาจให้ข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทในสายตาของนักลงทุน สถาบันการเงิน และกรมสรรพากร
4. การเปลี่ยนแปลง FSLI นี้ มีผลต่อการคำนวณ “ภาษีเงินได้นิติบุคคล” หรือไม่?
ตอบ: ไม่มีผลโดยตรงต่อการคำนวณภาษีครับ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องของ “รูปแบบการนำเสนอ” งบการเงินให้เป็นมาตรฐานเดียวกันตามที่ DBD กำหนด แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง “หลักการทางบัญชี” ในการรับรู้รายได้หรือค่าใช้จ่าย ดังนั้น กำไรสุทธิทางบัญชีที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลควรจะยังคงเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการจัดหมวดหมู่และแสดงรายละเอียดของรายการในงบการเงินเท่านั้น
5. ทำไมกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง FSLI อยู่เสมอ?
ตอบ: เหตุผลหลักคือเพื่อให้รูปแบบงบการเงินของประเทศไทยมีความ “สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS)” มากขึ้น ซึ่งมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปรับ FSLI ให้ทันสมัยจะช่วยให้
- งบการเงินของบริษัทไทยสามารถนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
- นักลงทุน (โดยเฉพาะชาวต่างชาติ) สามารถวิเคราะห์ข้อมูลงบการเงินได้ง่ายและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- ภาครัฐได้ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่มีรายละเอียดและเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ภาพรวมของประเทศมากขึ้น
อ้างอิง
https://www.dbd.go.th/storage/law/63ed8d68-5f29-46c3-94e8-669f0cea5438.pdf
About Author

นักบัญชี ผู้สอบบัญชี และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ cpdacademy.co คอร์สอบรมบัญชี CPD ออนไลน์สำหรับผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชี ที่มีประสบการณ์ในวิชาชีพมากกว่า 10 ปี และอยากส่งต่อความรู้เพื่อเพื่อนนักบัญชีให้มีทักษะอย่างมืออาชีพและก้าวทันโลกดิจิทัล
ร่วมสมัครเป็นนักเขียนกับ FlowAccount ได้ที่นี่