“วันนี้งานบัญชีไปไกลกว่า Work from Home แล้ว แต่ต้องเรียกว่า Work from Anywhere ก็คือทำงานที่ไหนก็ได้ จะเหมาะกับนักบัญชีและสำนักงานบัญชีมากกว่า เพราะมีระบบบัญชีออนไลน์เป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานในทุกๆ ด้าน โดยหลังจากนี้บัญชีออนไลน์จะเป็นเทรนด์ใหม่ของสำนักงานบัญชียุค New Normal ซึ่งความท้าทายของวงการบัญชีคือ การเพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับนักบัญชีให้โดดเด่น มีความสามารถตรงใจลูกค้า” |
ไปด้วยกัน ไปได้ไกลกว่าเดิม ดูเป็นบทสรุปที่ อาจารย์ธนัย นพคุณ ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีจาก FlowAccount นิยามถึงการปรับตัวของนักบัญชีและสำนักงานบัญชี ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัล หรือการทำงานออนไลน์ เป็นรูปแบบการทำงานใหม่สำหรับทุกอาชีพ จากทำงานที่ออฟฟิศ เป็นการทำงานได้ทุกที่ (Work from Anywhere) ไม่ว่าจะทำงานจากที่บ้าน หรือทำงานนอกสถานที่ ทำให้นักบัญชีสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ยืดหยุ่น และเห็นโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม แต่นอกจากมีเครื่องมือที่ดี ทักษะก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะเร่งเครื่องให้เติบโตเร็วขึ้น ด้วยการสร้างบทบาทใหม่ของสำนักงานบัญชี หรือนักบัญชี ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เพียง “ผู้ทำบัญชี” แต่ยังเป็น “คู่คิด” ให้ผู้ประกอบการ โดยฝึกแค่ 3 ทักษะนี้ ก็จะเป็นสำนักงานบัญชีที่โตเร็วแบบติดจรวด
เลือกอ่านได้เลย!
ทักษะที่ 1 เป็นที่ปรึกษา 360 องศา
“ลูกค้าอาจขี่ม้ามาตลอด แต่ไม่ได้แปลว่าลูกค้าต้องขี่ม้าต่อไปเรื่อยๆ หรือเราที่เป็นนักบัญชี เราขับรถแล้วต้องเปลี่ยนมาขี่ม้ากับลูกค้า สิ่งที่นักบัญชีหรือสำนักงานบัญชีควรทำคือ บอกลูกค้าว่าขับรถดีกว่ายังไง และชวนลูกค้ามาขับรถด้วยกัน”
อาจารย์ธนัยยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดว่า หากลูกค้ายังไม่กล้าเริ่มธุรกิจออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่แค่การขาย แต่คือการทำงานทั้งระบบในรูปแบบออนไลน์ สิ่งที่นักบัญชีควรทำคือ เป็นที่ปรึกษาที่เข้าใจเหตุผลนี้ของลูกค้า ฉายภาพให้ลูกค้าเห็นข้อดีของการสร้างธุรกิจดิจิทัลว่าสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ เมื่อธุรกิจทำแบบออนไลน์ งานบัญชีก็จะเป็นออนไลน์ทันที ดังนั้น นักบัญชีจึงต้องเป็นที่ปรึกษาที่เข้าใจและรอบรู้ ซึ่งความรอบรู้นี้เป็นสิ่งสำคัญที่นักบัญชีต้องใฝ่ศึกษาทั้งด้านบัญชีและธุรกิจ เพื่อเป็นที่ปรึกษารอบทิศให้ลูกค้า เมื่อทุกคำถามและปัญหาของลูกค้าได้รับการอธิบายพร้อมคำแนะนำที่ดี จะเกิดเป็นความไว้วางใจ สำนักงานบัญชีก็จะไปนั่งในใจลูกค้าได้แบบสบายๆ และดูแลกันไปยาวๆ
ทักษะที่ 2 เป็นนักวางระบบที่เชี่ยวชาญทั้งบัญชีและธุรกิจ
“ซื้อต้นไม้มาขาย 10 ต้น ต้นละ 500 บาท ราคารวม 5,000 บาท เราเสียภาษีซื้อ 7% เท่ากับ 350 บาท รวมซื้อต้นไม้มาทั้งหมดในราคา 5,350 บาท ภาษีซื้อ 350 บาท นำมาขอภาษีคืนจากกรมสรรพากร จากนั้นเราขายต้นไม้ที่ซื้อมาราคา ต้นละ 1,000 บาท ต้องเสียภาษีขาย ต้นละ 7% เท่ากับ 70 บาท คำถามคือ หากขายต้นไม้ไป 8 ต้น อีก 2 ต้นหาย เราต้องเสียภาษีขาย 8 ต้น หรือ 10 ต้น?”
อาจารย์ธนัยตั้งคำถามถึงการจ่ายภาษีขายของผู้ประกอบการ เพื่อให้เห็นว่าภาษีขายคิดอย่างไร เมื่อไหร่ที่ต้องเสียภาษีขาย ซึ่งคำตอบของคำถามข้างบนคือ “ของหาย = ของขาย” เป็นตัวอย่างข้อมูลที่นักบัญชีต้องบอกให้ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกค้าของสำนักงานบัญชีรับรู้ เพื่อนำไปสู่การวางแผนระบบธุรกิจให้รอบคอบ โดยยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ผู้ประกอบการคิดภาพตามได้ เมื่อเห็นภาพสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ก็จะเกิดการวาดแผนธุรกิจของตัวเอง โดยมีนักบัญชีช่วย เมื่อมีระบบธุรกิจที่ดีแล้ว การวางระบบบัญชีโดยใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ก็จะทำได้ง่าย เป็นการสร้างระบบธุรกิจที่มีนักบัญชีช่วยวางแผนตั้งแต่เริ่มจนจบ “ระบบที่ดีคือ ขายของได้ เงินไม่หาย ของไม่หาย เก็บเงินได้ครบ” อาจารย์ธนัยสรุป
ทักษะที่ 3 เป็นโค้ชที่จับมือลูกค้าไปถึงเส้นชัย
“ชี้ให้ลูกค้าเห็นถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับว่าลูกค้าจะได้อะไรบ้าง ไม่ใช่นักบัญชีจะได้อะไรบ้าง เพราะหากนักบัญชีช่วยให้ลูกค้าทำธุรกิจได้ เติบโต มีกำไร นักบัญชีก็จะโตไปด้วย เป็นกระบวนการที่เติบโตไปพร้อมกัน”
ไม่ว่าจะเริ่มต้นมากับลูกค้า หรือเข้ามาระหว่างทาง สิ่งที่นักบัญชีหรือสำนักงานบัญชีต้องมุ่งมั่นคือการสอนและลงมือทำกับผู้ประกอบการเพื่อไปสู่เส้นชัย ด้วยประสบการณ์และความรู้ทางบัญชีที่ตัวเองมี ซึ่งการจะเป็นโค้ชที่พาลูกค้าหรือผู้ประกอบการประสบความสำเร็จในธุรกิจได้นั้น กรอบวิธีคิด (mindset) ของนักบัญชีต้องมีการเปลี่ยนแปลง นักบัญชีต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยน ธุรกิจเปลี่ยน ผู้บริโภคเปลี่ยน ผู้ประกอบการเปลี่ยน โดยทั้งหมดกำลังขับรถคนละคัน แต่ไปสู่ปลายทางเดียวกัน คือดิจิทัล หรือออนไลน์ เมื่อนักบัญชียอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็จะทำให้สามารถค้นหาเครื่องมือที่มีความเหมาะสมกับประเภทของธุรกิจลูกค้า หรือเลือกโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ซึ่งเครื่องมือที่ดีช่วยให้ไปถึงเส้ยชัยได้ง่ายและเร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังมี ทักษะการสื่อสาร โดย อาจารย์ธนัยเล่าว่า การฝึกคุยกับผู้คน สื่อสารให้ผู้ประกอบการเข้าใจ กล้านำเสนอ จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ยิ่งหากสามารถตอบคำถามผู้ประกอบการได้ฉะฉาน ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเลือกใช้บริการนักบัญชีหรือสำนักงานบัญชีที่โดดเด่นในทักษะนี้
แต่หากไม่ถนัดเรื่องการสื่อสาร นักบัญชีหรือสำนักงานบัญชี ควรหาตัวกลางที่ช่วยสื่อสารแทน เช่น FlowAccount มีบริการหาสำนักงานบัญชีให้ผู้ประกอบการ ก็จะทำหน้าที่แนะนำสำนักงานบัญชี หรือนักบัญชีพาร์ตเนอร์ ให้ผู้ประกอบการที่ใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount อยู่แล้ว การแนะนำจาก FlowAccount ช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสำนักงานบัญชีใช้โปรแกรมบัญชีเดียวกับที่ผู้ประกอบการใช้ ทำให้มีความคุ้นเคยกับเครื่องมือ นอกจากนี้ยังเป็นสำนักงานบัญชีที่น่าเชื่อถือ และผ่านการอบรมจาก FlowAccount แล้ว
ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ FlowAccount ที่ https://flowaccount.com/accountingfirm/accountant
เมื่อเสริมทั้ง 3 ทักษะ ก็จะเป็นนักบัญชี Upskill พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ บนโลกออนไลน์ ช่วยให้สำนักงานบัญชีสามารถเพิ่มบริการใหม่ๆ ในการรับลูกค้าหลากธุรกิจได้มากขึ้น พร้อมขยายธุรกิจให้เติบโตแบบไม่มีกรอบจำกัด โดยมีโปรแกรมบัญชีออนไลน์ เป็นอุปกรณ์ทำงานที่ติดตัวไปได้ตลอดเวลา
อาจารย์ธนัยฝากแนะนำทิ้งท้ายว่า นอกจากมีโปรแกรมบัญชีออนไลน์แล้ว อยากให้นักบัญชีลงทุนเพิ่มอีก 2 อย่างคือ สายเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 1 เส้น และจอมอนิเตอร์ 1 เครื่อง เพื่อให้การทำงานลื่นไหล มองภาพบัญชีได้ชัด กว้าง ถนัดตา แค่นี้ก็ทำให้การ Work from Anywhere ของนักบัญชี และสำนักงานบัญชีดิจิทัลสนุกขึ้นอีกเยอะ
“สังเกตได้จากพาร์ตเนอร์ของ FlowAccount ว่าไม่มีใครทำงานบนคอมพิวเตอร์เพียงหน้าจอเดียว”
ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ FlowAccount ที่นี่ https://forms.gle/1awQ6Lind2ViENzo7
About Author
กานดา แย้มบุญเรือง Content Creator ประจำ FlowAccount อดีตผู้สื่อข่าว/ผู้ประกาศข่าว/พิธีกรรายการทีวี รักในการพูดคุย และมีประสบการณ์ด้านสัมภาษณ์ เขียนและเล่าเรื่องทั้งข่าวโทรทัศน์และข่าวเว็บไซต์ มานานกว่า 12 ปี