พื้นฐานด้านการเงินที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรนึกถึงเสมอ คือ การแยกบัญชีระหว่างธุรกิจกับส่วนตัวออกจากกัน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการได้อย่างถูกต้อง และไม่มีปัญหาการเงินในอนาคต ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าทำไปเพื่อประเด็นทางภาษี แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นครับ |
แยกบัญชี ระหว่างธุรกิจกับส่วนตัวไปทำไม? ผมเชื่อว่าเจ้าของธุรกิจหลายคนคงมีคำถามนี้ในใจ เพราะการแยกบัญชีระหว่างธุรกิจกับส่วนตัวนั้นทำให้เกิดความลำบากในการบริหารจัดการ ทั้งขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมามากมาย ไปจนถึงการที่ต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หากต้องการจะแยกและจัดการบัญชีให้ถูกต้อง
ผมเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “แค่เงินในบัญชีเพิ่มขึ้นก็พอแล้ว” เพราะการที่มีเงินเพิ่มในแต่ละปี คือเป้าหมายที่เจ้าของธุรกิจทุกคนอยากจะเป็น แต่สิ่งที่ผมอยากชี้ให้เห็นคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เงินในบัญชีของเราเพิ่มขึ้นเท่าไร จากอะไร และที่สำคัญที่สุดคือ เราใช้วิธีไหนทำให้มันเพิ่มขึ้นกันแน่
การแยกบัญชีจึงเป็นคำตอบของคำถามทั้งหมดเหล่านี้ครับ ซึ่งคำว่า “แยกบัญชี” ที่ว่า ผมหมายถึงบริบทในการแยกตั้งแต่
- บัญชีเงินฝากธนาคารระหว่างบัญชีส่วนตัวและธุรกิจ
- บัญชีบัตรเครดิต บัตรเดบิต และการใช้วงเงินต่างๆ
- บัญชีรายรับรายจ่าย ที่ต้องแยกกันระหว่างการเงินส่วนบุคคล และการเงินบริษัท
โดยการแยกแบบนี้จะทำให้เราเห็นว่า ธุรกิจดำเนินการอย่างไร ในแง่ของการจัดการรายได้ ค่าใช้จ่าย และกระแสเงินสด และใช้วิธีการจ่ายเงินเดือนคงที่ให้กับเราแทน เพื่อให้เราไป บริหารจัดการค่าใช้จ่ายส่วนตัว อีกทีหนึ่ง
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ นายบักหนอมตัดสินใจเปิดธุรกิจขายของออนไลน์ โดยรับสินค้ามาขายในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ดังนั้นการแยกบัญชีของนายบักหนอม แม้ว่าจะยังไม่จดทะเบียนเป็นบริษัท ควรจะมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
- แยกบัญชีเงินฝากธนาคารที่ไว้รับเงินค่าขายสินค้า กับบัญชีเงินฝากธนาคารส่วนตัว
- แยกบัตรเครดิตที่ใช้รูดซื้อสินค้าเพื่อขาย กับบัตรเครดิตที่ใช้รูดจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวคนละใบ
- ทำบัญชีรายรับรายจ่ายแยกกันระหว่าง ธุรกิจขายของออนไลน์ กับการใช้ชีวิตส่วนตัว
คำถามที่หลายคนกำลังนึกถึงคือ แล้วนายบักหนอมจะนำเงินออกมาจากธุรกิจได้อย่างไร คำตอบที่ผมอยากแนะนำคือ การกำหนด เงินเดือนคงที่ ในจำนวนที่เหมาะสมครับ ซึ่งการแบ่งเงินเดือนออกมานั้นจะทำให้เห็นภาพชัดเจนระหว่าง ธุรกิจ กับ ส่วนตัว มากยิ่งขึ้น โดย
- นายบักหนอมจะรู้ว่าตัวเองมีรายจ่ายส่วนตัวเท่าไร ทำให้กำหนดการใช้จ่ายได้และไม่กระทบกับการดึงเงินธุรกิจมามากเกินความจำเป็น
- ธุรกิจจะรู้ว่ามีกำไรคงเหลือเท่าไร เพื่อที่จะนำไปใช้บริหารและจัดการต่อได้อย่างถูกต้อง โดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องของการขาดสภาพคล่องและดึงเงินมาใช้โดยไม่จำเป็น
ในกรณีที่ธุรกิจอยู่ในรูปแบบบุคคลธรรมดา การดึงเงินเดือนส่วนตัวออกมาจะไม่มีผลกระทบใดๆด้านภาษี เนื่องจากเป็นการเสียภาษีจากรายได้ของธุรกิจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การบริหารจัดการเงินจะอยู่ในรูปแบบของการบริหารจัดการเงินสดธรรมดา (กรณีนี้กฎหมายมองว่าบุคคลคนเดียว)
แต่ถ้าธุรกิจอยู่ในรูปแบบนิติบุคคล (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน) จะมีเรื่องของการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เราต้องนำมาพิจารณาด้วยครับ เพราะการแยกจ่ายเงินเดือนออกมาจะมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายของนิติบุคคล โดยเงินเดือนที่บุคคลได้รับย่อมจะต้องถือเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีอีกต่อหนึ่ง (กรณีนี้กฎหมายมองว่ามี 2 บุคคล)
ยกตัวอย่างเช่น ถ้านายบักหนอมตั้งเป้าไว้ว่าจะดึงเงินออกจากธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดาเดือนละ 50,000 บาท นั่นแปลว่าธุรกิจควรจะมีกำไรและกระแสเงินสดมากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน เพื่อที่จะทำให้สามารถดึงเงินออกมาได้อย่างไม่สะดุดนั่นเองครับ
อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการนี้เป็นมุมมองที่เจ้าของธุรกิจแต่ละคนต้องพิจารณาความเหมาะสมที่แตกต่างกันไปอีกทีหนึ่งครับ เพราะเรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จใดๆ ครับ และจะเห็นว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องของภาษีเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของการจัดการบริหารอย่างถูกต้องมากกว่าครับ
อย่าลืมนะครับว่า เราไม่ได้แยกบัญชีเพราะกลัวสรรพากร แต่เราแยกบัญชีเพราะอยากทราบข้อมูลในการบริหารจัดการธุรกิจต่างหากครับ
โดยสิ่งที่สำคัญหลังจากบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้คือ การนำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์ต่อนั่นเองครับ เพราะเราจะได้รู้ว่าธุรกิจจะดำเนินแบบไหนอย่างไร ? กำไรที่ได้รับเพียงพอต่อการใช้ชีวิตไหม ไปจนถึงการวางแผนจัดการกำไรของตัวเองเพื่อลงทุนขยายธุรกิจต่อ ซึ่งทุกอย่างที่เรียบร้อยได้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดี และการตัดสินใจบริหารของเจ้าของธุรกิจร่วมกันครับ
ซึ่งทุกวันนี้เราก็มีเครื่องมือที่ช่วยในการเก็บข้อมูลของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสรุปยอดขาย บันทึกค่าใช้จ่าย อย่างเป็นระบบอย่างโปรแกรมบัญชี ออนไลน์ การใช้งานก็ไม่ยาก เพียงแค่หมั่นบันทึกข้อมูลอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง ระบบก็จะสรุปตัวเลขออกมาให้อัตโนมัติ
โปรแกรมบัญชี FlowAccount เปิดเอกสารธุรกิจได้ทุกที่ทุกเวลา เริ่มต้นได้ง่ายๆ กับ FlowAccount โปรแกรมทำบัญชีออนไลน์ ที่ช่วยบันทึกบัญชีได้ครบทุกรูปแบบธุรกิจ สมัครใช้ฟรี
สำหรับคนที่สนใจเรื่องนี้แบบละเอียด
ผมแนะนำคลิปรายการเถ้าแก่มีตังค์ ตอน ทำธุรกิจ แยกบัญชียังไง ให้รอด!!! ครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ครับว่า สิ่งที่สำคัญในการแยกบัญชีที่นอกเหนือจากหลักการแล้วคือ การลงมือทำอย่างต่อเนื่องและตรวจสอบผลของมันอย่างเคร่งครัด เพราะเหตุผลสำคัญในการแยกบัญชีธุรกิจ คือ
“การรู้ข้อมูลธุรกิจและจัดการชีวิตไม่ให้มีปัญหา”