สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ การจดทะเบียนพาณิชย์เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนแรกในการทำให้ธุรกิจของคุณสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ หรือการขายสินค้าหรือให้บริการแบบมีหน้าร้าน หากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้แล้ว ล้วนแล้วแต่จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ หรือ จดทะเบียนการค้า ให้เรียบร้อยเสียก่อน มิฉะนั้นอาจถูกเรียกปรับได้
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleการจดทะเบียนพาณิชย์ คืออะไร
การจดทะเบียนพาณิชย์ คือ การจดทะเบียนเพื่อรับรองการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นการยืนยันว่าร้านค้าได้มีการประกอบกิจการค้าขายสินค้าและบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การจดทะเบียนการค้า คืออะไร เหมือนหรือ ต่างกันอย่างไรกับ การจดทะเบียนพาณิชย์
การจดทะเบียนพาณิชย์ และ การจดทะเบียนการค้า คือสิ่งเดียวกัน ในอดีตจะใช้ชื่อว่า “การจดทะเบียนการค้า” แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “การจดทะเบียนพาณิชย์” เพื่อให้เป็นทางการมากขึ้น โดยอย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ชื่อถือว่าเป็นสิ่งเดียวกันค่ะ
ทำธุรกิจอะไร ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ หรือจดทะเบียนการค้า
กรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ได้แบ่งผู้ที่มีหน้าจดทะเบียนพาณิชย์ไว้ 2 กลุ่ม ดังนี้
- บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ และนิติบุคคลต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาภายในประเทศไทย
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด
ที่ประกอบกิจการ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
กิจการที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ได้แก่
- พาณิชยกิจการค้าเร่หรือการค้าแผงลอย
- พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
- พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
- พาณิชยกิจของมูลนิธิ สมาคม หรือสหกรณ์
- พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกร (จดทะเบียนตาม ปว.141 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2515)
- พาณิชยกิจของนิติบุคคล ซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
ร้านค้าออนไลน์ต้องจดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่?
ร้านค้าออนไลน์จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทะเบียนที่ร้านค้าออนไลน์จะต้องจดจะเรียกว่า การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
เมื่อไรที่ร้านออนไลน์ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ร้านค้าออนไลน์ที่เข้าเกณฑ์จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตามกรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ที่กำหนด มีดังต่อไปนี้
บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในประเทศไทยซึ่งประกอบพาณิชยกิจ ดังนี้
(1) ซื้อขายสินค้า/บริการ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ครอบคลุมถึง เว็บไซต์ ร้านค้าใน e-Marketplace ร้านค้าในโซเชียลมีเดีย Application)
(2) ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider: ISP)
(3) ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web hosting)
(4) ให้บริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้า/บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Marketplace)
ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน นับแต่เริ่มประกอบพาณิชยกิจ
ดังนั้น ร้านค้าออนไลน์ที่มีช่องทางการขายผ่าน E-Commerce เช่น Lazada, Shopee หรือมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมด
นอกจากนี้ร้านค้าที่มีการขายสินค้าออนไลน์ จะสามารถยื่นขอจดทะเบียน DBD Registerd เพิ่มเติมได้
DBD Registered หรือ เครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คืออะไร?
DBD Registered เป็นเครื่องหมายรับรองการการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อรองรับมาตรฐานและเป็นเครื่องหมายยืนยันการมีอยู่ของธุรกิจ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในสายตาของผู้บริโภค
หลังจากการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ร้านค้าสามารถยื่นขอเครื่องหมาย DBD Registered เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้
เอกสารที่ใช้ในการยื่นขอ DBD Registered
- สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ (แบบ พค.0403) : เอกสารที่ได้รับหลังจากยื่นจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- สำเนารายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ (เอกสารแนบ ทพ.) : สำเนาเอกสารที่ยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- สำเนาเอกสารการจดโดเมนเนม โดยการจดทะเบียนโดเมนต้องเป็นชื่อผู้ประกอบการที่จดทะเบียนพาณิชย์
สถานที่ยื่นขอ DBD Registered
- ยื่นด้วยตนเองที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
- ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ https://www.trustmarkthai.com/
อีกหนึ่งคำถามที่ผู้ประกอบการหลายคนอาจจะยังมีความข้องใจอยู่ นั่นก็คือเรื่องการจดทะเบียนตลาดแบบตรง แตกต่างหรือเหมือนกับการจดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ และจะรู้ได้อย่างไรว่ากิจการของคุณจะต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง
โดยสรุป หากกิจการของคุณเป็นการขายสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทางสื่อ ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางเว็บไซต์หรือช่องทาง E-Commerce อย่าง Lazada, Shopee, TikTok Shop ล้วนแล้วแต่เป็นการตลาดแบบตรงทั้งสิ้น ดังนั้น หากร้านค้าของคุณเข้าเกณฑ์ร้านค้าที่ต้องจดทะเบียนตลาดแบบตรง จะต้องยื่นขอจดทะเบียนตลาดแบบตรงกับทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพิ่มเติม นอกเหนือจากการจดทะเบียนพาณิชย์กับทางกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการจดทะเบียนตลาดแบบตรงและข้อกำหนดว่าร้านค้าใดบ้างเข้าเกณฑ์ที่จะต้องจดทะเบียน ทาง FlowAccount มีจัดทำบทความเพื่อไขข้อคาใจไว้แล้ว สามารถศึกษาข้อมูลการตลาดแบบตรงได้ที่นี่
จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แตกต่างจากการจดทะเบียนพาณิชย์ธรรมดาอย่างไร?
การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าร้านค้ามีการดำเนินกิจการผ่านช่องทางออนไลน์หรือผ่านระบบอินเทอร์เน็ต อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีตัวตนอยู่จริง
ในขณะที่ การจดทะเบียนพาณิชย์ธรรมดา คือ การจดทะเบียนเพื่อเป็นการยืนยันว่าร้านค้ามีการดำเนินกิจการค้าขายสินค้าหรือบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีตัวตนอยู่จริง (ออฟไลน์)
กล่าวคือ
- หากร้านค้าดำเนินกิจการขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออฟไลน์ หรือ มีหน้าร้าน จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ธรรมดา
- หากร้านค้าดำเนินกิจการขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- หากมีการดำเนินกิจการทั้งทางช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งทะเบียนพาณิชย์ธรรมดาและทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
วิธีการจดทะเบียนพาณิชย์
ผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้ด้วยตนเอง โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้
เอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียนพาณิชย์
- คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.) สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- หนังสือชี้แจง (ในกรณีที่เปิดธุรกิจมานานแล้ว และไม่ได้ยื่นจดทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากเริ่มเปิดธุรกิจ)
เอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
เหมือนเอกสารที่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์ทั่วไป แต่จะมีเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
- รายละเอียดเว็บไซต์ที่จะจดทะเบียน กรอก 1 ใบ ต่อ 1 เว็บไซต์ สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่
- พิมพ์เอกสารหน้าแรกของเว็บไซต์
- แผนที่ตั้งร้านค้า
สถานที่จดทะเบียนพาณิชย์
1. กรณีประกอบกิจการในเขตกรุงเทพมหานคร ยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่:
(1) สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร
(2) สำนักงานเขตทุกแห่ง
2. กรณีประกอบกิจการในต่างจังหวัด ยื่นจดทะเบียนได้ที่ : เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล
ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนพาณิชย์
ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนพาณิชย์ (ตั้งใหม่) 50 บาท
บทลงโทษ / ค่าปรับ หากไม่จดทะเบียนพาณิชย์
ในกรณีที่ร้านค้าประกอบธุรกิจโดยไม่จดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และปรับวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
สรุป
หากคุณประกอบกิจการค้าขายสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะผ่านช่องทางออฟไลน์แบบมีหน้าร้านหรือออนไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ล้วนแล้วแต่จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ทั้งสิ้น โดยหากร้านค้าของคุณมีหน้าร้านออฟไลน์ จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ธรรมดา และหากมีการขายในช่องทางออนไลน์ จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มิฉะนั้นอาจถูกเรียกปรับได้
นอกจากนี้ คนขายของออนไลน์ส่วนใหญ่มักเข้าข่ายธุรกิจทำการตลาดแบบตรง ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราควรจดทะเบียนไว้ค่ะ
จะเห็นได้ว่าจดทะเบียนพาณิชย์นั้น เป็นกฏหมายพื้นฐานที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฏหมาย แตกต่างจากการจดทะเบียนบริษัท ที่เราเลือกเองว่าต้องการรูปแบบบริษัทหรือไม่ พวกเราได้มีบทความเปรียบเทียบ จดทะเบียนพาณิชย์ จดทะเบียนบริษัท จด VAT แตกต่างกันอย่างไร ไว้แล้ว เข้าไปอ่านกันเพิ่มเติมได้ค่ะ
เมื่อจดทะเบียนพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว หากต้องการจดทะเบียนบริษัท FlowAccount มีบริการรับจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมมอบโปรแกรมบัญชีออนไลน์ และสิทธิประโยชน์ อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการที่อยากเปิดบริษัทในยุคดิจิทัล ให้บริหารธุรกิจด้วยตัวเองได้อย่างมั่นใจตั้งแต่ก้าวแรก
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://flowaccount.com/business-registration
อ้างอิง
https://www.dbd.go.th/manual/1061
https://www.kasikornbank.com/th/kbiz/article/pages/commercial-registration.aspx
https://ereg.dbd.go.th/ERegistMemberWeb/nonmemberpages/user_manual.xhtml
About Author

A graduate student with degrees in Accounting and Financial Management, complemented by professional experience as an external auditor at a Big4 firm and as a Business Analyst in the financial sector.