หลายคนที่ส่งเงินประกันสังคมไปในทุกๆ เดือน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานประจำหรือเป็นฟรีแลนซ์ คงอยากทราบว่าเมื่อถึงเวลาเกษียณแล้วจะได้เงินจากประกันสังคมเท่าไร แล้วควรจ่ายกี่ปีถึงจะดีและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
ก่อนที่จะมาตอบคำถามกันว่า เราจะได้รับเงินเกษียณจากประกันสังคมเท่าไรนั้น จะต้องทำความเข้าใจกับคำว่า “บำเหน็จชราภาพ” และ “บำนาญชราภาพ” เสียก่อน
เลือกอ่านได้เลย!
Toggle1. จะได้บำเหน็จชราภาพ หรือบำนาญชราภาพ วัดจากอะไร
บำเหน็จ หรือ บำนาญ มีเงื่อนไขสำคัญเดียวกัน คือ ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน (หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย)
แต่จะได้แบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับระยะการส่งเงินสมทบประกันสังคม
บำเหน็จชราภาพ
- ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน
- ได้รับประโยชน์โดยจ่ายเป็นก้อนครั้งเดียว
บำนาญชราภาพ
- ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน
- ได้รับประโยชน์โดจ่ายเป็นรายเดือนตลอดชีวิต
จะเห็นว่าระยะเวลาการส่งเงินสมทบมีผลต่อจำนวนเงินที่จะได้
2. กรณีบำเหน็จชราภาพ เกษียณอายุได้เงินเท่าไหร่
หากผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับ “เงินบำเหน็จ” ที่นี้เราก็มาดูเรื่องระยะเวลากันต่อ
2.1 กรณีจ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน
จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ เท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตนที่จ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม
2.2 กรณีจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน (15 ปี)
จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ เท่ากับจำนวนเงินสมทบส่วนของผู้ประกันตน และส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคม เพื่อจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี
2.3 ตัวอย่างการคำนวณเงินที่จะได้รับ กรณีบำเหน็จชราภาพ
2.3.1 กรณีที่จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน
จะได้รับเงินบำเหน็จแค่ในส่วนที่เราสมทบมาเพียงฝ่ายเดียว ไม่รวมส่วนของนายจ้าง
เช่น เราอายุ 55 ปี และสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ขณะส่งเงินสมทบได้ 8 เดือน และสมมติว่าส่งเงินสมทบเดือนละ 750 บาท ในที่นี้จะได้เงินบำเหน็จชราภาพประกันสังคม จำนวน 6,000 บาท (750 บาท x 8 เดือน)
จะได้รับเงินบำเหน็จแค่ในส่วนที่เราสมทบมาเพียงฝ่ายเดียว ไม่รวมส่วนของนายจ้าง
2.3.2 กรณีที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป
จะได้รับเงินชราภาพจากประกันสังคมแบบบำเหน็จ จาก 3 ส่วน คือ
- จำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน (A)
- ส่วนของนายจ้าง (B)
- ผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี (C)
ผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี หมายถึง กำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด ดังนั้น ผลประโยชน์หรือกำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ต้องดูจากที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
สำนักงานประกันสังคม จะมีการประกาศอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ในราชกิจจานุเบกษา
ซึ่งอัตราผลประโยชน์ตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี มีดังนี้
- เช่น นาย D ผู้ประกันตนมาตรา 33 เกษียณอายุที่ 55 ปี ทำงานมา 60 เดือน ส่งเงินสมทบมา 60 เดือน
- จะได้เงินจำนวนมากแค่ไหน ประกันสังคมก็คำนวณจากฐานเงินเดือนสูงสุดเดือนละ 15,000 บาท คือ จ่ายเงินสมทบให้ประกันสังคมที่จำนวน 750 บาท แบ่งเป็นกรณีชราภาพ 450 บาท
- สิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้างวันที่ 31 ธ.ค. 2566 ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน ในวันที่ 10 ม.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ประกันสังคม จะดึงข้อมูลในระบบในส่วนของ รายการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนย้อนหลังในกรณีชราภาพ ดังนี้
เมื่อคำนวณจำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน (A) และส่วนของนายจ้าง (B) แล้ว จากนั้นจึงคำนวณผลประโยชน์ตอบแทน (C)
เงินบำเหน็จชราภาพที่จะได้รับประกอบด้วย เงินสมทบส่วนของตนเอง (A) + เงินสมทบส่วนของนายจ้าง (B) + ผลประโยชน์ตอบแทน (C) = 27,000 + 27,000 + 4,860 = 58,860 บาท
ข้อดี-ข้อเสียการรับบำเหน็จชราภาพ
ข้อดี คือ ได้เงินเกษียณจากประกันสังคมเป็นก้อนมาเลยทีเดียว เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินก้อน
ข้อเสีย คือ จะได้เงินน้อยกว่าบำนาญ และมีโอกาสที่จะใช้เงินหมดก่อน หากอายุยืนอาจไม่มีเงินเพียงพอใช้ในบั้นปลายชีวิต
3. กรณีบำนาญชราภาพ เกษียณอายุได้เงินเท่าไหร่
ส่วนผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน (15 ปี) ขึ้นไป จะได้รับ “เงินบำนาญ” ที่ประกันสังคมจ่ายให้เป็นรายเดือนตลอดชีวิต
3.1 กรณีจ่ายเงินสมทบมา 180 เดือนพอดี
จะได้รับเงินบํานาญจากประกันสังคม เป็นรายเดือนตลอดชีวิต คิดเป็นอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง (ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
3.2 จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
จะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินบำนาญประกันสังคม ม.33 ให้อีก ร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน
3.3 คำนวณกรณีเงินบำนาญชราภาพ
3.3.1 กรณีที่ 1 จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือนหรือ 15 ปี
- ผู้ประกันตนจะได้รับเงินรายเดือน เท่ากับ 20% ของรายได้เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน
- โดยใช้ฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท และฐานรายได้ต่ำสุด 1,650 บาท หรือง่าย ๆ คือ ได้รับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย
- ตัวอย่าง นาย A อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จ่ายเงินสมทบ 180 เดือนหรือ 15 ปีพอดี โดยได้รับเงินเดือนเฉลี่ย 5 ปี (60 เดือนสุดท้าย) 50,000 บาท
- แต่ทางประกันสังคมก็จะใช้ฐานสูงสุดที่ 15,000 บาทเท่านั้น สำหรับคำนวณเงินบำนาญชราภาพ ก็คือ (20 x 15,000) / 100 = 3,000 บาท
- ดังนั้น นาย A จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 3,000 บาทตลอดชีวิต
3.3.2 กรณีที่ 2 จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือนหรือเกิน 15 ปี
- นอกจากผู้ประกันตนจะได้รับเงินเดือนเท่ากับ 20% ของรายได้เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนแล้ว
- ยังได้บวกเพิ่มอีก 1.5% ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน (ไม่ครบ 12 เดือนปัดจำนวนเดือนที่เกินทิ้ง ไม่นับปีเพิ่ม)
- โดยใช้ฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท และฐานรายได้ต่ำสุด 1,650 บาทเช่นเดียวกัน หรือง่ายๆ คือ ได้รับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย + 1.5% ทุกๆ 1 ปีที่เกิน 60 เดือนแรก
- ตัวอย่าง นาย B อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จ่ายเงินสมทบ 20 ปีพอดี สำหรับคำนวณเงินบำนาญชราภาพ คือ
- [(20 + (1.5 x 5 ปี)) x 15,000] / 100 = [(20 + 7.5) x 15,000] / 100
= [27.5 x 15,000] / 100
= 4,125
- ดังนั้น นาย B จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 4,125 บาทตลอดชีวิต
3.4 ข้อดี-ข้อเสียการรับเงินบำนาญชราภาพ
- ข้อดี คือ มีเงินใช้รายเดือนไปจนเสียชีวิต และมีโอกาสได้เงินชราภาพจากประกันสังคมมากกว่า (หากวัดกันที่อายุขัยเฉลี่ยคนไทย 77 ปี เงินที่นาย B จะได้ จะมากกว่านาย D ที่ยกตัวอย่างไปในเคสบำเหน็จชราภาพ)
- ข้อเสีย คือ ไม่มีเงินก้อนสำหรับการลงทุนหากมีความต้องการ
4. การรู้เรื่องเงินเกษียณจากประกันสังคมนั้น มีผลอย่างไรกับคนทำงาน ลูกจ้าง หรือเจ้าของกิจการ
4.1 ประโยชน์ของคนทำงานเมื่อรู้เรื่องเงินเกษียณจากประกันสังคม
เงินเกษียณจากประกันสังคมเป็นสิ่งที่คนทำงานควรรู้มากที่สุด เพราะจะได้วางแผนในอนาคตได้ว่าเงินเกษียณที่ได้รับจากประกันสังคมนั้นพอสำหรับใช้ในอนาคตหรือไม่ แล้วต้องเตรียมตัวเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น วางแผนซื้อประกันเกษียณเพิ่มเติม ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความรู้ ทำงานเพิ่มเติมเพื่อเงินออมที่มากขึ้น เป็นต้น และที่สำคัญคือเราต้องตัดสินใจว่าอยากได้บำเหน็จหรือบำนาญตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้รู้ว่าควรจ่ายเงินประกันสังคมในระยะเวลาเท่าไร
4.2 ประโยชน์ของ HR เมื่อรู้เรื่องเงินเกษียณจากประกันสังคม
HR ควรรู้เกี่ยวกับเงินเกษียณส่วนหนึ่งคือเป็นประโยชน์กับตนเองในการวางแผนค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ อีกส่วนหนึ่งที่ควรรู้เรื่องเงินเกษียณเพื่อให้ตอบพนักงานได้ถ้าหากมีการถามตอบว่าเงินประกันสังคมนั้นมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง การจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประกันสังคมของคนในบริษัทก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ HR จะต้องจัดการให้ดีที่สุด
4.3 ประโยชน์ของเจ้าของกิจการเมื่อรู้เรื่องเงินเกษียณจากประกันสังคม
สำหรับบริษัทขนาดใหญ่นั้นอาจจะมี HR ช่วยดูเรื่องเอกสารประกันสังคมให้ แต่ถ้าคุณยังเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่ยังดูแลเอกสารเอง และยังไม่มี HR ช่วยดูแล การเรียนรู้เกี่ยวกับประกันสังคม โดยเฉพาะเงินเกษียณของพนักงานนั้นสำคัญมาก จะได้ช่วยวางแผนเกษียณให้ลูกจ้างและตนเองได้
สรุป
จะเห็นได้ว่าเงินเกษียณประกันสังคมมีรายละเอียดมากมายที่ควรรู้ ทั้งเรื่องเงินบำเหน็จและเงินบำนาญ ซึ่งเราไม่สามารถเลือกได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนเดือนที่จ่ายประกันสังคมเท่านั้น เราจึงควรวางแผนให้ดีว่าจะรับบำเหน็จหรือบำนาญผ่านการวางแผนช่วงระยะเวลาการจ่ายเงินประกันสังคม นอกจากนี้ควรวางแผนเงินเกษียณของตนเองว่านอกเหนือจากเงินเกษียณจากประกันสังคมแล้ว ควรวางแผนเงินส่วนอื่นเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
ในฐานะคนทำงาน HR หรือเจ้าของกิจการ การได้เรียนรู้เรื่องเงินเกษียณประกันสังคมจะทำให้ต่างคนต่างทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะความเข้าใจตรงกันทั้งวิธีคำนวณเงินเกษียณประกันสังคม รวมไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ทำให้เข้าใจเงินเกษียณประกันสังคมได้มากขึ้น
ยิ่งเจ้าของกิจการที่เพิ่งมาทำธุรกิจได้ไม่นาน การทำสลิปเงินเดือนใช้โปรแกรมเงินเดือนตั้งแต่ต้น จะทำให้ทำเอกสารต่าง ๆ รวมไปถึงเอกสารประกันสังคมได้สะดวก รวดเร็ว และถูกต้องยิ่งขึ้น
FlowAccount นอกจากจะเป็นโปรแกรมบัญชีที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดแล้ว เรายังมีฟีเจอร์โปรแกรมเงินเดือนที่ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลพนักงาน การจ่ายเงิน เชื่อมกับระบบบัญชีให้คุณบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลอ้างอิง
About Author

ฟรีแลนซ์ที่เป็นทั้งนักเขียนอิสระ Creator หมอดู และ TikToker เป็นคนชอบไปงานอีเว้นท์พัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง แถมเป็นคนที่จบสถาปัตย์ที่ออกแบบ Content มากกว่าออกแบบบ้าน