นักบัญชีทุกน่าจะเคยได้ยินคำว่า “เก็บชั่วโมง CPD” กันมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายปีแบบนี้ เพื่อนๆ นักบัญชีก็มักจะพูดเรื่องการการอบรม CPD อยู่บ่อยๆ แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า CPD คืออะไร และไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเก็บชั่วโมง CPD เท่าใดในแต่ละปี
ในบทความนี้ FlowAccount จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องของนักบัญชี ที่เรียกย่อๆ ว่า CPD และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ CPD ทุกอย่างตั้งแต่ CPD คืออะไร และอธิบายว่าทำไมนักบัญชีต้องเก็บชั่วโมง CPD ให้ครบกัน

CPD คืออะไร ?
CPD คือ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี โดยคำว่า CPD ย่อมาจาก Continuing Professional Development ซึ่งตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่องกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ.2557 ข้อ6(3) กำหนดไว้ว่า ถ้าเราขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีเรียบร้อยแล้ว ในแต่ละปีปฏิทินเราจะต้องเก็บชั่วโมงอบรม CPD ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง
CPD มีความสำคัญอย่างไรกับนักบัญชี? ทำไมนักบัญชีต้องอบรมให้ครบ
สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี การเรียนรู้ไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อได้รับใบปริญญา แต่เป็นการเดินทางที่ต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกฎหมายและมาตรฐานทางบัญชีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ (CPD) จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่นักบัญชีทุกคนต้องปฏิบัติและนี่คือเหตุผลว่าทำไม นักบัญชี ต้องอบรม CPD ให้ครบตามเกณฑ์ทุกปี
1. เป็นข้อกำหนดตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากประกาศของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ. 2557 ออกตามความในมาตรา 7(6) แห่ง พ.ร.บ. การบัญชี พ.ศ. 2543 ว่า ผู้ทำบัญชีต้องมีการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ โดยให้สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดกิจกรรม เนื้อหา และจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้
สรุปง่าย ๆ ก็คือ นักบัญชีจำเป็นต้องเก็บชั่วโมง CPD ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ มิเช่นนั้น จะขาดคุณสมบัติผู้ทำบัญชี ที่ต้องขึ้นทะเบียนตามกฎหมายนั่นเอง
2. เพื่ออัปเดตความรู้ทางกฎหมายและมาตรฐานการบัญชีใหม่ ๆ
มาตรฐานการบัญชี กฎหมายภาษีอากร และกฎระเบียบต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเรียนรู้ผ่านหลักสูตร CPD จะช่วยให้นักบัญชีไม่ตกหล่นข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงาน และช่วยให้การทำงานของนักบัญชีถูกต้องตามกฏหมายทั้งหมด
3. ช่วยเพิ่มทักษะและความสามารถใหม่ ๆ ให้นักบัญชี
หลักสูตร CPD ที่สภาวิชาชีพอนุมัติให้เก็บชั่วโมงนั้น ไม่ได้มีแค่เนื้อหาทางบัญชี แต่ยังรวมถึงทักษะการบริหารจัดการ การวิเคราะห์ธุรกิจ การใช้โปรแกรมทำบัญชีที่จำเป็นต่อการทำงาน และทักษะความสามารถต่าง ๆ ที่ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. สร้างความน่าเชื่อถือต่อลูกค้าและนายจ้าง
แน่นอนว่าในมุมของบริษัท ก็อยากร่วมงานกับนักบัญชีที่มีความรับผิดชอบและความตั้งใจในการพัฒนาตนเอง การที่นักบัญชีสามารถแสดงใบรับรองการอบรม CPD ที่ครบถ้วนได้นั้น เป็นเหมือนเครื่องหมายการันตีคุณภาพ ทำให้นายจ้างมั่นใจ และยังเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อลูกค้าต้องการหาสำนักงานบัญชีที่ไว้วางใจได้ เพราะพวกเขามักมองหามืออาชีพที่ทันต่อโลกอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างชัดเจน
หลักเกณฑ์ในการเก็บชั่วโมง CPD มีอะไรบ้าง ?
หลักเกณฑ์ในการเก็บชั่วโมง CPD ตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่องกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ.2557 ข้อ6(3) https://www.tfac.or.th/upload/9414/XWvJhbj2kV.pdf
มีรายละเอียดดังนี้
- ผู้ทำบัญชีต้องมีจำนวนชั่วโมง CPD ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อปีปฏิทิน นั่นหมายความว่า วันสุดท้ายที่สามารถเก็บชั่วโมง CPD ได้คือวันที่ 31 ธันวาคม ของปีนั้น ๆ
- จำนวนชั่วโมง CPD ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบัญชี ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และเนื้อหาด้านอื่นตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด เช่น ใน 12 ชั่วโมง CPD ที่ต้องเก็บทั้งปีนั้น ต้องเป็นเนื้อหาการบัญชีอย่างน้อย 6 ชั่วโมง และที่เหลือเป็นเนื้อหาด้านอื่น ๆ เช่น ภาษีได้
หากผู้ทำบัญชีแจ้งทำบัญชีเป็นปีแรก และมีระยะเวลาที่เหลือหลังการแจ้งในปีนั้นน้อยกว่า 6 เดือน ให้เริ่มเก็บชั่วโมง CPD ในปีถัดไปได้ เช่น หากปี 2568 นี้ คุณขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีตอนเดือนพฤศจิกายน นั่นแปลว่า คุณไม่ต้องเก็บชั่วโมง CPD ในปี 2568 แต่เริ่มเก็บครั้งแรกในปี 2569 นั่นเอง
นับชั่วโมง CPD อย่างไรให้ถูกต้อง ?
ถัดมาเรามาดูตัวอย่างการนับชั่วโมง CPD กัน ว่าจะนับอย่างไรให้ถูกต้องครบถ้วนสำหรับปีนี้
|
กรณีตัวอย่าง
|
รายละเอียด
|
ชั่วโมง CPD ที่ต้องเก็บ
|
|
1. ขึ้นทะเบียนผู้ทำบัญชี ก่อนกลางปี
|
ขึ้นทะเบียนผู้ทำบัญชีช่วง ม.ค. – มิ.ย.
|
12 ชั่วโมงเต็ม
|
|
2. ขึ้นทะเบียนผู้ทำบัญชี หลังกลางปี
|
ขึ้นทะเบียนผู้ทำบัญชีช่วง ก.ค. – ธ.ค. (เหลือเวลาถึงสิ้นปีน้อยกว่า 6 เดือน)
|
ไม่ต้องเก็บ CPD ในปีแรก เริ่มเก็บชั่วโมงในปีถัดไป (12 ชั่วโมงเต็ม)
|
|
3. ผู้ทำบัญชีทำงานต่อเนื่องหลายปี
|
เคยขึ้นทะเบียนผู้ทำบัญชีมาหลายปีแล้ว
|
12 ชั่วโมงต่อปี
|
ถัดมาเราลองมาดูกันว่าใน 12 ชั่วโมงนั้นเราสามารถจัดสรรชั่วโมง CPD ได้อย่างไร และอบรมแบบไหนถือว่าครบถ้วนบ้าง
|
ตัวอย่าง
|
ชั่วโมงอบรม CPD บัญชี
|
ชั่วโมงอบรมอื่น ๆ
|
รวมทั้งหมด
|
เก็บ CPD ครบถ้วนหรือไม่
|
|
1
|
8 ชั่วโมง
|
4 ชั่วโมง
|
12 ชั่วโมง
|
ครบถ้วน เพราะวิชาบัญชี ≥ 6 ชั่วโมง และรวม ≥ 12 ชั่วโมง
|
|
2
|
6 ชั่วโมง
|
6 ชั่วโมง
|
12 ชั่วโมง
|
ครบถ้วน ตรงตามเกณฑ์ขั้นต่ำวิชาบัญชี 6 ชม.
|
|
3
|
5 ชั่วโมง
|
7 ชั่วโมง
|
12 ชั่วโมง
|
ไม่ครบ เพราะวิชาบัญชี < 6 ชั่วโมง ถึงแม้รวมครบ 12 ชั่วโมงก็ตาม
|
|
4
|
4 ชั่วโมง
|
4 ชั่วโมง
|
8 ชั่วโมง
|
ไม่ครบ ชั่วโมงรวมไม่ถึง 12 ชั่วโมง และบัญชีไม่ถึง 6 ชั่วโมง
|
|
5
|
10 ชั่วโมง
|
5 ชั่วโมง
|
15 ชั่วโมง
|
ครบถ้วน เพราะวิชาบัญชี ≥ 6 ชั่วโมง และรวม ≥ 12 ชั่วโมง
|
กิจกรรมที่สามารถนับชั่วโมง CPD ของผู้ทำบัญชีได้ มีอะไรบ้าง ?
การเก็บชั่วโมง CPD สามารถเก็บได้ผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบ ซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีได้กำหนดกิจกรรมที่สามารถเก็บชั่วโมง CPD ไว้ ได้แก่
- การอบรมหรือสัมมนา จัดขึ้นโดยหน่วยงานที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาวิชาชีพบัญชี ก่อนอบรมสามารถเช็กรายละเอียดหลักสูตรที่อนุมัติได้ที่ https://eservice.tfac.or.th/cpd_list/CPD_list.php
- การเป็นวิทยากร ผู้บรรยาย ผู้ดำเนินการสัมมนา สำหรับเฉพาะในกิจกรรมอบรมหรือสัมมนาข้างบนเท่านั้น
- การเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาของรัฐ หรือสถาบันการศึกษาของเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการศึกษาเอกชน ซึ่งมีการสอนไม่ต่ำกว่าระดับอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางการบัญชี หรือเทียบเท่า ไม่ว่าจะเป็นการสอนในฐานะอาจารย์ประจำหรืออาจารย์พิเศษ
- การสำเร็จการศึกษาในคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชี ไม่ว่าคุณวุฒิใหม่นั้นจะสูงกว่าคุณวุฒิเดิมหรือไม่ก็ตาม
- การผ่านการศึกษาเฉพาะรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชีจากสถาบันการศึกษาของรัฐ หรือสถาบันการศึกษาของเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการศึกษาเอกชน ซึ่งมีการสอนไม่ต่ำกว่าระดับอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางการบัญชีหรือเทียบเท่า
จากกิจกรรมที่เล่ามานี้ นักบัญชีส่วนใหญ่มักจะเลือกการเข้าอบรมสัมมนา เพราะทำได้ง่ายกว่ากิจกรรมอื่นๆ แถมยังสามารถแจ้ง CPD เก็บชั่วโมงกับระบบออนไลน์ของสภาวิชาชีพบัญชีได้ทันทีเมื่อผ่านการอบรมอีกด้วย
ต้องแจ้งชั่วโมง CPD ภายในเมื่อไร และแจ้งอย่างไร ?
เมื่อผู้ทำบัญชีเก็บชั่วโมง CPD เรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าหน้าที่จะจบลง สิ่งถัดมาที่ต้องทำก็คือ การแจ้งชั่วโมง CPD ให้เรียบร้อย ภายในวันที่ 30 มกราคมของปีถัดไป เช่น หากเก็บชั่วโมง CPD ครบแล้วในปี 2568 ผู้ทำบัญชีต้องแจ้งชั่วโมงภายในวันที่ 30 มกราคม 2569
การแจ้ง CPD เก็บชั่วโมงในปีนี้ ทำได้แบบออนไลน์ผ่าน 1 ใน 2 ช่องทางนี้
ไม่ว่าจะแจ้งช่องทางไหน ก็สบายใจได้ว่าข้อมูลครบถ้วน เพราะทั้งสองระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างกัน
แจ้งชั่วโมง CPD ไม่ครบมีผลอย่างไร ?
หากผู้ทำบัญชีไม่เก็บชั่วโมง CPD หรือแจ้งไม่ทันตามที่กฎหมายกำหนด เท่ากับว่าขาดคุณสมบัติผู้ทำบัญชีตามกฎหมาย อาจต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และต้องอบรมพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง ให้ครบจำนวนชั่วโมงตามระยะเวลาที่ขาดหายไป แต่เมื่อรวมกันแล้วไม่เกิน 24 ชั่วโมง
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2568 เก็บชั่วโมง CPD ได้แค่ 9 ชั่วโมง ขาดอีก 3 ชั่วโมง ถ้าได้รับจดหมายเรียกค่าปรับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อย่าลืมไปชำระค่าปรับให้เรียบร้อย และในปีถัดไปจะต้องเก็บชั่วโมง CPD ตามปีปกติ 12 ชั่วโมง + ชั่วโมงที่ขาดไป 3 ชั่วโมง = 15 ชั่วโมง
นักบัญชีที่อยากอบรม CPD สามารถเก็บชั่วโมงได้ที่ไหนบ้าง ?
สำหรับนักบัญชีท่านใด ที่อยากเก็บชั่วโมง CPD ประจำปี หรืออยากทำความเข้าใจการทำบัญชีด้วยระบบบัญชีออนไลน์ FlowAccount สามารถลงทะเบียนคอร์สเรียนบัญชีกับ FlowAccount พร้อมเก็บชั่วโมง CPD ได้แบบถูกต้อง มีให้เลือกอบรมถึง 4 คอร์ส นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้จริง
นอกจากนั้น FlowAccount ยังมีคอร์สเรียนบัญชีอื่น ๆ สำหรับผู้ประกอบการ ที่ต้องการเริ่มใช้งาน FlowAccount โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่พาลงมือปฏิบัติจริง ตั้งแต่พื้นฐาน จนใช้งานเป็นในระดับมืออาชีพ ทั้งอบรมสัมนาบัญชีออนไลน์และอบรมบัญชีตัวต่อตัว สามารถคลิกที่รูปด้านล่างเพื่อดูตารางคอร์สทั้งหมดที่ FlowAccount เปิดสอนได้เลย
