ตรวจสอบการยื่นภาษีบุคคลออนไลน์ และสถานะขอคืนภาษี

ตรวจสอบการยื่นภาษีบุคคลออนไลน์ และสถานะขอคืนภาษี

เคยเป็นกันไหมคะ? เวลาที่ยื่นภาษีบุคคลออนไลน์เสร็จปุ๊บ กลับรู้สึกไม่แน่ใจว่า “เรายื่นภาษีถูกต้องไหม จะได้ภาษีเงินคืนหรือเปล่า เงินจะเข้าบัญชีเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ค่ะ ไม่ว่าจะเพิ่งยื่นภาษีครั้งแรก หรือยื่นมาแล้วหลายปี เพราะขั้นตอนหลังการยื่นภาษีนั้นหลายคนอาจไม่ค่อยรู้ว่า สามารถตรวจสอบสถานะการยื่นภาษีได้ จึงไม่แปลกที่หลายคนต้องมานั่งลุ้นให้รู้สึกเครียดตามกันไป

บทความนี้ โฟลว์แอคเคาท์เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับการขอภาษีเงินคืน พร้อมวิธีตรวจสอบสถานะการยื่นภาษีบุคคลออนไลน์แบบง่ายๆ ด้วยตัวเองค่ะ จะได้ไม่ต้องลุ้นให้เครียดกันอีกแล้ว

ยื่นภาษีบุคคลออนไลน์ ขอเงินคืนได้ไหม?

อันดับแรกต้องเข้าใจคำนิยามของคำว่า ‘เงินคืนภาษี’ กันก่อนค่ะ

 

เงินคืนภาษี คือ เงินภาษีที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) ชำระเกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระจริง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ไว้ รวมถึงการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เยอะ เป็นต้น

 

เมื่อเรายื่นภาษีบุคคลออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรเรียบร้อยแล้วนั้น เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาระยะหนึ่งในการตรวจสอบรายการและคำนวณภาษีที่ต้องชำระจริง ซึ่งถ้าทุกคนจ่ายเกินจริง กรมสรรพากรก็ต้องคืนเงินภาษีให้เราตามตามกฎหมายนะคะ

 

แต่มีข้อแม่ว่า ทุกคนต้องกดว่าขอคืนเงินภาษี ในขั้นตอนที่ยื่นแบบภาษี (ภ.ง.ด. 90/91) ด้วยนะ

 

ตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษีทำอย่างไร?

วิธีตรวจสอบสถานะภาษีของตัวเองนั้น ไม่ยากอย่างที่ทุกคนคิดเลยค่ะ โดยสามารถติดตามสถานะการขอคืนภาษีได้ 2 ช่องทาง ได้แก่

 

1. เว็บไซต์กรมสรรพากร

สำหรับใครที่ยื่นแบบออนไลน์ หรือต้องการวิธีเช็กสถานะภาษีที่สะดวกและรวดเร็วแบบไม่ต้องเดินทางไปไหน สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร เพียงทำตามขั้นตอนดังนี้

เข้าเว็บไซต์ www.rd.go.th เลือกเมนู My Tax Account เพื่อเข้าสู่ระบบบริการภาษี

 

เข้าเว็บไซต์ www.rd.go.th

 

เข้าระบบด้วย RD ID โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน รหัสผ่าน และ รหัส Laser ID หลังบัตรประชาชน หรือถ้าหากมี Digital ID ก็สามารถใช้เข้าสู่ระบบได้เช่นกัน

 

เข้าระบบด้วย RD ID โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน

 

ใส่เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่เคยลงทะเบียนไว้ เพื่อรับรหัส OTP

 

ใส่เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่เคยลงทะเบียนไว้ เพื่อรับรหัส OTP

 

กรอก OTP ที่ได้รับ แล้วกดยืนยัน

 

กรอก OTP ที่ได้รับ แล้วกดยืนยัน

 

เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว กดตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี หรือนำส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ทันที

 

เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว กดตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี หรือนำส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ทันที

 

นอกจากนี้ ยังสามารถดูประวัติการยื่นแบบ รายละเอียดภาษี และข้อมูลการคืนภาษีย้อนหลังได้ด้วยนะคะ เหมาะกับคนที่ชอบเก็บข้อมูลภาษีย้อนหลังได้อย่างดีเลยทีเดียว

 

2. สำนักงานสรรพากรพื้นที่

ในขณะเดียวกัน ก็มีคนบางส่วนที่สะดวกติดตามสถานะภาษีเงินคืนแบบตัวต่อตัว หรือมีประเด็นเรื่องภาษีที่อยากปรึกษากับเจ้าหน้าที่โดยตรง สามารถเข้ามาติดต่อได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ระบุไว้ในหน้าแบบแสดงรายการภาษีของแต่ละคนได้เลยค่ะ

หรือสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรตามเบอร์โทรศัพท์ตามแนบ ดังนี้

รับเงินคืนภาษีผ่านช่องทางไหนบ้าง?

เมื่อเราตรวจสอบสถานะภาษีของตัวเองแล้วพบว่า สถานะได้เปลี่ยนไปเป็น “ส่งคืนภาษี” นั่นเท่ากับว่าทุกคนจะได้ภาษีเงินคืนกลับแน่นอนค่ะ แต่จะรับเงินทางไหนได้บ้างล่ะ? 

ปัจจุบัน เราสามารถรับเงินภาษีเงินคืนผ่านช่องทางรับเงินทั้งหมด 3 ช่องทาง ได้แก่

  1. บัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก
  2. คืนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
  3. ติดต่อรับเงินคืนด้วยตัวเองที่สาขาธนาคารธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยกรมสรรพากรจะออกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ค.21) ให้กับคนที่ไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์เอาไว้กับธนาคาร

อยากได้เงินภาษีเร็ว ต้องทำยังไง?

รู้วิธีกันตรวจสอบกันไปแล้ว ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชนก็แล้ว ทำไมยังไม่ได้ภาษีเงินคืนกลับมาอีกล่ะ ทำไมอีกคนถึงยื่นภาษีแล้วได้เงินคืนเร็วล่ะ 

รู้หรือไม่คะว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรมสรรพากรใช้เวลาคืนเงินนานก็คือ เมื่อสรรพากรขอเอกสารตรวจสอบแล้ว เราไม่ส่งเอกสารให้อย่างถูกต้องและครบถ้วนไงล่ะ

 

เพราะกรมสรรพากรต้องพิจารณาคืนเงินตามข้อมูลประกอบกับเอกสารที่ทุกคนได้ยื่นไป ถ้าเรายื่นผิด หรือเอกสารประกอบไม่ครบ เจ้าหน้าที่ก็จะใช้เวลานานขึ้น เราก็จะได้เงินช้าขึ้นไปอีกค่ะ

 

แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าอยากได้ภาษีเงินคืนกลับมาเร็วๆ ลองทำตามเคล็ดลับด้านล่างนี้ ตอนที่ยื่นภาษีบุคคลธรรมดาแบบออนไลน์ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาพิจารณาคืนเงินน้อยลง แล้วก็ได้เงินกลับไวขึ้นจ้า

1. เตรียมเอกสารและข้อมูลให้ครบถ้วน

ก่อนจะยื่นภาษี ต้องเช็กให้ดีว่าเราเตรียมเอกสารสำคัญไว้ครบแล้วหรือยัง เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน, ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย, เอกสารลดหย่อนต่างๆ รวมถึงเอกสารประกันชีวิตหรือกองทุนที่ใช้ลดหย่อนภาษีด้วย เพราะถ้าเวลาสรรพากรขอ แล้วมีอะไรขาดไป ยอดเงินคืนอาจจะน้อยลงกว่าเดิม เพิ่มเติมคือใช้เวลานานขึ้นอีก

 

2. ตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี

หลังจากยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจนะคะ เพราะบางครั้ง กรมสรรพากรอาจขอเอกสารเพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคืนภาษี หากเราไม่ตรวจสอบหรือปล่อยทิ้งไว้ ไม่ส่งเอกสารสักที เงินคืนที่ว่าก็อาจจะหายวับไปกับตาเลยล่ะ

 

หากกรมสรรพากรขอเอกสารเพิ่มเติม ผู้มีเงินได้สามารถจัดส่งเอกสารได้หลายช่องทาง ดังนี้

  • ยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนา
  • ส่งทางโทรสาร ตามเบอร์ที่ระบุในใบนำส่งเอกสาร
  • ส่งทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่ในใบนำส่งเอกสาร
  • อัปโหลดเอกสารผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร

 

3. ตรวจสอบข้อมูลก่อนกดยืนยัน

ขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งแบบภาษี คือ "การตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง" อย่ากดข้ามหรือรีบเกินไป เพราะบางครั้งตัวเลขรายได้ ยอดหักลดหย่อน หรือข้อมูลอาจพิมพ์ผิดพลาด การกรอกข้อมูลถูกตั้งแต่แรก จะช่วยให้เจ้าหน้าที่พิจารณาเร็วขึ้น  ไม่ต้องกลับมาแก้ไขให้ลำบาก เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่กับคนเดิม แบบนี้ทั้งน่าเสียใจและเสียเวลาค่ะ

 

4. ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน

การขอภาษีเงินคืนผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนเป็นช่องทางที่กรมสรรพากรแนะนำที่สุด เพราะสะดวก ปลอดภัย และเร็วสุดๆ แค่ผูกบัญชีให้เรียบร้อย เงินก็จะโอนคืนตรงเข้าบัญชีเราโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอนาน แล้วก็ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติม

 

สรุป

เห็นมั้ยคะว่า การตรวจสอบสถานะภาษีหรือการขอคืนเงินภาษีบุคคลธรรมดานั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แค่ทุกคนเตรียมเอกสารให้ครบ กรอกข้อมูลให้ถูกต้อง ตรวจสอบสถานะหลังยื่นเสมอ และผูกพร้อมเพย์ไว้ให้เรียบร้อย ก็จะช่วยให้เงินคืนภาษีกลับมาถึงมือเราได้เร็วขึ้น แบบไม่ต้องลุ้นนานนะคะ 

About Author

รับวันใช้งานฟรี 30 วัน
เมื่อสมัครทดลองใช้ FlowAccount วันนี้
สมัครเลย