นิติบุคคล คืออะไร? อยากเริ่มจดทะเบียนต้องทำอย่างไร

นิติบุคคล คือ

นิติบุคคล คือ สถานะทางกฎหมายของบริษัทที่นักธุรกิจมักได้ยินกันบ่อย ๆ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่านิติบุคคลว่าจริง ๆ แล้วหมายถึงอะไร มีกี่ประเภท ทำไมถึงต้องจดทะเบียนธุรกิจเป็นนิติบุคคล และขั้นตอนการจดทะเบียนต้องทำยังไง 

ซึ่งการเข้าใจเรื่องนิติบุคคล คืออะไร จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าทำไมองค์กรหรือกลุ่มบุคคลจึงต้องจดทะเบียน และมีสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายอย่างไร บทความนี้ FlowAccount จะมาอธิบายและสอนวิธีการจดทะเบียนนิติบุคคล อย่างละเอียด

 

เลือกอ่านได้เลย!

นิติบุคคล คืออะไร ? 

นิติบุคคล คือสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้เป็นบุคคลทางกฎหมายขององค์กร หน่วยงานหรือกลุ่มบุคคล นิติบุคคลสามารถถือครองทรัพย์สิน ทำสัญญา ฟ้องร้องหรือถูกฟ้องร้องเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา เพียงแต่เป็นการดำรงอยู่ในรูปของสถานะที่กำหนดขึ้นตามกฎหมาย ไม่ใช่ตัวบุคคลจริง


นิติบุคคลมีกี่ประเภท ? 

การเลือกประเภทนิติบุคคลมีความสำคัญต่อการดำเนินงานของธุรกิจ เนื่องจากแต่ละประเภทมีการจัดการด้านกฎหมาย การจัดทำบัญชี การเสียภาษี และการรายงานผลประกอบการที่แตกต่างกัน โดยนิติบุคคลสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังนี้


นิติบุคคลตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

1.ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership)

ห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นการรวมตัวของหุ้นส่วนอย่างน้อย 2 คน ร่วมกันรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างแบบไม่จำกัด ซึ่งหมายความว่าทุกคนต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน ห้างหุ้นส่วนสามัญมี 2 รูปแบบ ได้แก่

  1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ: ทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา จึงเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้า
  2. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล: นิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่ใช่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

 

หุ้นส่วนของห้างจะต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างตามกฎหมายด้วยตัวเอง ทำให้การจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นในการบริหาร แต่ต้องการเป็นนิติบุคคล


2.ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)

สำหรับนิติบุคคลที่ต้องการให้มีผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบต่อกิจการแตกต่างกัน ห้างหุ้นส่วนจำกัดอาจเป็นคำตอบ เพราะห้างหุ้นส่วนจำกัดสามารถแบ่งผู้ถือหุ้นตามความรับผิดชอบได้ คือ

  1. ผู้ถือหุ้นที่รับผิดชอบไม่เกินส่วนของจำนวนเงินที่ลงทุน เรียกว่า หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด (Limited Partner)
  2. ผู้ถือหุ้นที่รับผิดชอบรับผิดชอบต่อหนี้สินทั้งหมดของกิจการแม้จะเกินส่วนของจำนวนเงินที่ลงทุน เรียกว่า หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด (General Partner) 

 

แน่นอนว่าหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดจะเป็นคนที่เสี่ยงน้อยกว่าหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด การแบ่งความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดช่วยให้ธุรกิจรวบรวมทุนจากผู้ลงทุนโดยยังคงความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการไว้ได้ ทำให้เป็นรูปแบบที่นิยมสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก


3.บริษัทจำกัด (Limited Company)

บริษัทจำกัด (บจ.) คือนิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรจากการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งทุนของบริษัทจำกัดจะถูกแบ่งสัดส่วนออกเป็นหุ้นๆ ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะมีความรับผิดชอบตามสัดส่วนของจำนวนเงินลงทุนในบริษัท และมีสิทธิในการลงคะแนนเสียงในที่ประชุมใหญ่ รวมไปถึงมีสิทธิได้รับเงินปันผลมากน้อยตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยชื่อของบริษัทจำกัดจะต้องมีคำว่า “บริษัท” นำหน้าและมีคำว่า “จำกัด” ต่อท้าย หรือใช้เป็น “Company Limited” หรือ “Co., Ltd.” สำหรับภาษาอังกฤษ

 

สำหรับบริษัทจำกัดขนาดใหญ่จะถูกเรียกว่า บริษัทมหาชนจำกัด (Public Limited Company, PLC) ซึ่งสามารถระดมทุนจากสาธารณะด้วยการขายหุ้นได้ (IPO) แต่จะต้องมีผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ 15 คนขึ้นไป และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเข้มงวดมากกว่าบริษัทจำกัดทั่วไป


นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ๆ 

1.องค์การมหาชน (Public Organization)

หน่วยงานหรือองค์กรที่รัฐจัดตั้งเพื่อให้บริการสาธารณะหรือทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยไม่มุ่งเน้นการแสวงหากำไร เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หรือสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)


2. มูลนิธิและสมาคม (Foundation and Association)

นิติบุคคลที่ดำเนินงานเพื่อสาธารณะโดยไม่เน้นหากำไร

  • สมาคม (Association): จัดตั้งขึ้นเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน มีลักษณะเป็นกองทุนที่ได้รับบริจาคและนำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือสังคม
  • มูลนิธิ (Foundation): มักเป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคลที่มีวัตถุประสงค์หรือความสนใจร่วมกัน ตั้งขึ้นเพื่อการกุศลหรือกิจกรรมสาธารณะประโยชน์

ทำไมการจดทะเบียนนิติบุคคล ถึงสำคัญต่อการเริ่มต้นธุรกิจ ? 

การจดทะเบียนเปลี่ยนธุรกิจเป็นนิติบุคคลมีขั้นตอนและข้อปฎิบัติที่จำเป็นมากมาย แต่ถ้าต้องการขยายกิจการให้เติบโต การจะทะเบียนก็มีข้อดีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น


1. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

ธุรกิจที่เป็นนิติบุคคลความเป็นทางการและความน่าเชื่อถือกว่าธุรกิจที่มีสถานะเป็นบุคคลธรรมดา จะทำธุรกิจกับองค์กรใหญ่ หน่วยงานรัฐ หรือต่างประเทศ ก็สร้างความมั่นใจให้คู่ค้าได้มากขึ้นด้วยการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเงินทุน เช่น การออกหุ้นสามัญ การกู้ยืมจากธนาคารและโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ


2. ถ้าธุรกิจล้มละลาย เจ้าของไม่ต้องล้มละลายตามไปด้วย

กรณีเลวร้ายที่สุดของการทำธุรกิจคือการล้มละลาย ธุรกิจที่ทำในฐานะบุคคลธรรมดาโดยไม่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เจ้าของอาจกลายเป็นบุคคลล้มละลายตามธุรกิจไปด้วย แต่สำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เจ้าของไม่จำเป็นต้องล้มละลายตามไปด้วย เพราะไม่ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวมารับผิดชอบหนี้สินของบริษัท (ยกเว้นกรณีทุจริต) ทำให้ภาระหนี้สินของบริษัทสามารถแยกออกจากหนี้สินของเจ้าของอย่างชัดเจน

3. รายได้สูงก็ไม่โดนคิดภาษีด้วยเรทแพงๆ

  • ธุรกิจที่ทำภายใต้สถานะบุคคลธรรมดา จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราขั้นบันไดซึ่งสูงสุดอยู่ที่ 35 %
  • ธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุดหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่แค่ 20% เท่านั้น

เมื่อกิจการเติบโตและมีเงินได้สูงขึ้น การเสียภาษีในเรทนิติบุคคลจะเป็นอัตราที่ถูกกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธุรกิจมีรายได้เกินกว่า 750,000 บาทขึ้นไป โดยถ้าปีนั้นธุรกิจขาดทุน ก็ไม่ต้องเสียภาษี  รวมถึงสามารถนำค่าลดหย่อนต่างๆ มาหักได้มากกว่าบุคคลธรรมดาอีกด้วย


ขั้นตอนการจดทะเบียนนิติบุคคล ทำอย่างไร? เริ่มต้นไม่ยากเพียงแค่ 8 ขั้นตอน

การตัดสินใจจดทะเบียนนิติบุคคลคือก้าวแรกที่สำคัญสู่การทำธุรกิจอย่างเป็นระบบและสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว และเพื่อให้การเริ่มต้นจดทะเบียนนิติบุคคลประเภท ‘บริษัทจำกัด’ ของคุณ เป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องที่สุด FlowAccount เลยขอมาอธิบาย 8 ขั้นตอนในการจดทะเบียนนิติบุคคล (บริษัทจำกัด) แบบเข้าใจง่าย ดังนี้

1. ศึกษาข้อมูลก่อนจดทะเบียน

ขั้นตอนแรกในการจดทะเบียนธุรกิจเป็นนิติบุคคลคือการศึกษาและตัดสินใจเลือกรูปแบบการจดทะเบียนที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณว่าจะเป็นรูปแบบไหน เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด 


2. ตั้งชื่อและจองชื่อบริษัท

หลังจากนั้นให้คุณเริ่มทำการ จองชื่อบริษัท หรือกำหนดชื่อบริษัทที่ต้องการจดทะเบียน โดยชื่อที่จะขอจดจะต้องไม่ซ้ำกับบริษัทที่จดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว โดยเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ชื่อที่จดทะเบียนก็จะถูกสงวนไว้ให้เฉพาะบริษัทเราเช่นกัน โดยสามารถจองชื่อได้ไม่จำกัด ผ่านระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า


3. เตรียมความพร้อมด้านเอกสาร

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคล คือบัตรประจำตัวของผู้ถือหุ้นทุกคนพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง และเอกสาร 13 รายการที่ต้องให้ผู้ถือหุ้นคนใดก็ได้ 1 คนเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องในเอกสาร ดังนี้

 

  • แบบ บอจ. 1 หรือแบบคำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด
  • แบบคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด
  • แบบ บอจ. 2 หรือหนังสือบริคณห์สนธิ พร้อมชำระอากรแสตมป์ 200.-
  • แบบ บอจ. 3 หรือรายการจดทะเบียนจัดตั้ง
  • แบบ ว. หรือแบบวัตถุที่ประสงค์
  • แบบ ก. หรือรายละเอียดกรรมการ
  • ใบแจ้งผลจองชื่อนิติบุคคล 
  • หลักฐานเห็นชอบในการจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • แบบ บอจ. 5 บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะในการประชุมให้ความเห็นในกิจการที่ได้ประชุมจัดตั้งบริษัทพร้อมลายมือชื่อ 
  • สำเนารายงานการประชุมตั้งบริษัท
  • สำเนาข้อบังคับ พร้อมชำระอากรแสตมป์ 200.-
  • สำเนาหลักฐานการรับชำระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้ผู้ถือหุ้น

 

กรณีมีผู้ถือหุ้นต่างชาติถือหุ้นหรือเป็นกรรมการร่วมลงนามผูกพันกับบริษัท จะต้องมีหลักฐานแสดงฐานะทางการเงินของผู้ถือหุ้นคนไทยจากธนาคาร แสดงจำนวนเงินสอดคล้องกับเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นแต่ละคนด้วย


4. ยื่นจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

ยื่นคำขอจัดตั้งบริษัทต่อนายทะเบียน โดยต้องแจ้งชื่อ ที่ตั้ง วัตถุประสงค์ ทุนจดทะเบียนบริษัท กรรมการ ผู้ถือหุ้น และข้อมูลอื่น ๆ

  • ชื่อของบริษัท (ที่ได้จองไว้)
  • ข้อมูลที่ตั้งสำนักงานใหญ่ / สาขา จังหวัดที่ตั้ง รหัสประจำบ้านของที่ตั้งสำนักงาน อีเมล เบอร์โทร.บริษัทและเบอร์โทร. ติดต่อกรรมการและชื่อที่อยู่เว็บไซต์ (ถ้ามี)
  • วัตถุประสงค์ของบริษัท
  • ทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ-ที่อยู่ อายุ สัญชาติ พยานจำนวน 2 คน
  • ข้อบังคับ (ถ้ามี)
  • จำนวนทุน (มูลค่าหุ้น) ที่เรียกชำระแล้ว ต้องมีจำนวนอย่างน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ-ที่อยู่ อายุ กรรมการ
  • รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท
  • ชื่อ-เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
  • ชื่อ-ที่อยู่ สัญชาติและจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้น

5. เปิดจองซื้อหุ้นและประชุมผู้ถือหุ้น

เปิดให้ผู้ก่อตั้งหรือบุคคลอื่นซื้อหุ้น (ขั้นต่ำ 1 หุ้น) เมื่อจองซื้อขายจนหุ้นหมดแล้วจึงนัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติเรื่องสำคัญต่าง ๆ


6. ประชุมบุคลากรและคณะกรรมการบริษัท

จัดประชุมบุคลากรที่ได้รับการคัดเลือกในบริษัทเพื่อให้เข้าใจข้อมูลเรื่องสำคัญตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดข้อบังคับ เลือกกรรมการบริษัท เลือกผู้สอบบัญชี และแจ้งค่าตอบแทนผู้ก่อตั้งบริษัทและจำนวนหุ้นบริษัทสุทธิ โดยคณะกรรมการบริษัทจะเป็นผู้เรียกเก็บค่าหุ้น 25% ของทุนจดทะเบียนบริษัทแทนผู้ก่อตั้งบริษัทเพื่อการยื่นขอจดทะเบียน


7. ยื่นจดทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียม

การยื่นจดทะเบียนบริษัทจะต้องดำเนินการภายใน 3 เดือนหลังจากที่มีการประชุมจัดตั้งเท่านั้น หากล่าช้าจะต้องจัดการประชุมขึ้นใหม่ โดยมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 5,890 บาทไม่รวมค่าอากรแสตมป์และเอกสารประกอบ


8. รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียน

ใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนคือเอกสารยืนยันการก่อตั้งบริษัทอย่างเป็นทางการ เมื่อบริษัทถูกจัดตั้งเรียบร้อยแล้ว สามารถไปรับเอกสารได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด


อยากเปิดบริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล ให้ FlowAccount ช่วยคุณด้วยบริการจดทะเบียนบริษัท


การเลือกว่าจะจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่ออนาคตของธุรกิจอย่างมาก การจดทะเบียนนิติบุคคลอาจฟังดูซับซ้อน แต่ปัจจุบันคุณสามารถดำเนินการได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยบริการจดทะเบียนบริษัทจาก FlowAccount ที่มาพร้อมบริการแบบครบวงจรและทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการจะทะเบียน ช่วยลดความยุ่งยาก ประหยัดเวลา และทำให้การเริ่มต้นธุรกิจของคุณเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น คุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราตอนนี้ แอดไลน์ @flowaccount ได้เลย


รับจดทะเบียนนิติบุคคล

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับนิติบุคคล


1. นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร?

 

เปรียบเทียบ บุคคลธรรมดา นิติบุคคล
ความหมาย บุคคลที่ประกอบธุรกิจในนามตนเอง เช่น ฟรีแลนซ์หรือแม่ค้าขายสินค้าร้านเล็กๆ องค์กรหรือบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ความรับผิดชอบของเจ้าขอต่อหนี้สิน รับผิดชอบไม่จำกัด อาจต้องใช้ทรัพย์สินส่วนตัวชำระหนี้ธุรกิจ รับผิดชอบจำกัดเฉพาะเงินที่ลงทุนไว้ในธุรกิจ  ไม่ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวมาชำระ
ภาษีที่ต้องจ่าย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (

อัตราก้าวหน้า 5–35%)

ภาษีเงินได้นิติบุคคล (อัตราคงที่ 20%)
การจัดทำบัญชี จัดทำรายรับรายจ่ายทั่วไป ไม่ต้องจ้างผู้สอบบัญชี ต้องทำบัญชีอย่างเป็นระบบ ยื่นงบการเงินประจำปี และต้องมีผู้สอบบัญชีเซ็นรับรอง
ความน่าเชื่อถือ เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือเริ่มต้นใหม่ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ต้องการขยายกิจการ ทำสัญญากับองค์กรใหญ่
การเข้าถึงแหล่งทุน/สินเชื่อ จำกัด เพราะใช้ชื่อบุคคล มีโอกาสขอสินเชื่อธุรกิจและร่วมทุนมากขึ้น
ขั้นตอนเริ่มต้น ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องจดทะเบียน ต้องจดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่สามารถใช้บริการจดทะเบียนผ่าน FlowAccount เพื่อความสะดวกได้

2. จากธุรกิจแบบบุคคลธรรมดาเปลี่ยนเป็นนิติบุคคล ดีอย่างไร?

ตอบ : นิติบุคคลจะมีภาษีเงินได้ที่ต้องเสียสูงสุดหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 20% เท่านั้น แต่บุคคลธรรมดาอาจะต้องเสียสูงสุดถึง 35%  นอกจากนี้ การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว เพราะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสเข้าถึงเงินทุนในการขยายธุรกิจ รวมไปถึงการบริหารจัดการบัญชีที่เป็นระบบยังช่วยเป็นรากฐานทางการเงินที่ดีของบริษัทในระยะยาวอีกด้วย


3. ใครควรเลือกจดทะเบียนนิติบุคคล?

ตอบ : ผู้ประกอบการที่มีรายได้สูงจึงต้องการประหยัดภาษี, ผู้ที่ต้องการเงินทุนในการขยายกิจการ, ธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือหรือต้องการทำสัญญากับคู่ค้าขนาดใหญ่หรือสถาบันการเงิน, ผู้ที่ต้องการแยกทรัพย์สินส่วนตัวออกจากธุรกิจ


4. นิติบุคคลจำเป็นต้องมีผู้สอบบัญชีไหม?

ตอบ : จำเป็น ทุกนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ต้องจัดทำงบการเงินประจำปีและผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีก่อนยื่นต่อหน่วยงานราชการทุกปี อย่างไรก็ตาม ประเภทของผู้สอบบัญชีจะขึ้นอยู่กับรูปแบบและขนาดของกิจการ ดังนี้

 

  • ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) : สามารถตรวจสอบบัญชีได้กับบริษัทจำกัดทุกขนาด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัดทุกขนาด 
  • ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) : สามารถตรวจสอบบัญชีให้ได้เฉพาะบริษัทในรูปแบบ ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีขนาดเล็ก (ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท) เท่านั้น

ทั้งนี้ กิจการขนาดเล็กที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สามารถใช้มาตรฐานบัญชีชุดเล็กหรือ TFRS for NPAEs (Thai Financial Reporting Standards for Non-Publicly Accountable Entities) เพื่อลดความซับซ้อนและต้นทุนในการจัดทำงบการเงินได้


5. ทุนจดทะเบียนบริษัทควรเป็นเท่าไร?

ตอบ : ตามกฎหมายไทย กำหนดให้บริษัทจำกัดมีทุนจดทะเบียนบริษัทขั้นต่ำคือ 10 บาท โดยมีจำนวนหุ้นอย่างน้อย 2 หุ้นและต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท ปกติแล้วธุรกิจขนาดเล็กจะจดทะเบียนที่ทุน 100,000 - 1,000,000 โดยนิยมจดทะเบียนที่ 1 ล้านบาทมากที่สุดเพราะทุนจดทะเบียนส่งผลต่อน่าเชื่อถือของธุรกิจ การเลือกทุนจดทะเบียนจึงต้องคำนึงถึง 2 ปัจจัยหลัก ดังต่อไปนี้


1) จำนวนเงินที่ต้องการเงินลงทุนจริง พร้อมจ่ายเมื่อเริ่มกิจการเป็นจำนวนเท่าไหร่ หลังจากจ่ายทุนจดทะเบียนแล้วยังมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินงานหรือไม่

2) คำวามจำเป็นของความน่าเชื่อถือของกิจการ ลูกค้าและคู่ค้าของกิจการมักให้ความเชื่อมั่น ทำธุรกิจกับกิจการที่มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำกี่บาท

About Author

รับวันใช้งานฟรี 30 วัน
เมื่อสมัครทดลองใช้ FlowAccount วันนี้
สมัครเลย

บทความที่คุณน่าจะสนใจ