การเข้าใจและจัดการบัญชีอย่างถูกต้อง คือเครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับแนวทางการทำบัญชีที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจบริการ เพื่อให้เจ้าของกิจการสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleธุรกิจบริการ คืออะไร
ธุรกิจบริการ คือ ธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านความพึงพอใจ และความคาดหวัง โดยไม่มีตัวสินค้าเป็นรูปธรรม เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจสถานพยาบาล เป็นต้น
พูดง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจที่ไม่ได้มีการขายสินค้า แต่เป็นธุรกิจที่เป็นการเสนอขายบริการ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจร้านนวด ถือเป็น “ธุรกิจบริการ” เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทางด้านสุขภาพ เพื่อความผ่อนคลาย (ตัวอย่าง การทำบัญชีของธุรกิจบริการนวดแผนไทย)
“ธุรกิจบริการ” และ “ธุรกิจค้าขาย” แตกต่างกันอย่างไร
- ธุรกิจบริการ ไม่มีสินค้าที่จับต้องได้
- ธุรกิจบริการ ผู้ซื้อไม่มีสิทธิในการครอบครอง เนื่องจากไม่มีสินค้าเป็นรูปธรรม
- ธุรกิจบริการ ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย
บัญชีธุรกิจบริการ
เนื่องจากลักษณะธุรกิจที่มีความแตกต่างกัน การทำบัญชีของธุรกิจบริการ ย่อมต่างจากธุรกิจค้าขายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการนั้น มีหลากหลายลักษณะและไม่มีรูปแบบที่แน่นอน บางบริษัทอาจให้บริการแบบเดียว ในขณะที่บางบริษัทอาจมีหลากหลายบริการ หรืออาจมีขายสินค้าควบคู่ไปด้วย
ดังนั้น การทำบัญชีของธุรกิจบริการ ควรพิจารณาตามลักษณะการประกอบกิจการของแต่ละบริษัท
ควรเริ่มต้นทำบัญชีอย่างไร
พื้นฐานของการทำบัญชี อย่างแรกเลยคือ ต้องแยกบัญชีส่วนตัวและบัญชีธุรกิจให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้สามารถบริหารจัดการบัญชีและเงินของธุรกิจได้อย่างถูกต้อง และเพื่อป้องกันปัญหาในด้านการเงินและภาษีในอนาคต
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ การจัดเก็บเอกสารสำคัญ เช่น เอกสารซื้อ เอกสารขาย ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น เอกสารสำคัญเหล่านี้ นอกจากจะเป็นหลักฐานที่ทำให้เจ้าของกิจการสามารถคำนวณต้นทุนและรายได้อย่างถูกต้องแล้ว ยังมีความสำคัญในเรื่องของภาษีอีกด้วย
การบันทึกรายได้จากการให้บริการ
ตามหลักการบัญชีแล้ว กิจการจะสามารถรับรู้รายได้จากการให้บริการได้ก็ต่อเมื่อให้บริการแก่ลูกค้าเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น ดังนั้น การบันทึกรายได้จากการให้บริการ จะขึ้นอยู่กับเวลาที่มีการให้บริการเสร็จสิ้นตามที่ตกลงกันไว้ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
1. การให้บริการครั้งเดียวเสร็จ
เป็นการให้บริการเป็นรายครั้ง และลูกค้าจ่ายเงินทันทีหลังรับบริการ ถือว่าการให้บริการได้เสร็จสิ้นแล้ว กิจการจึงสามารถบันทึกรายได้ได้ทันที
ตัวอย่าง การบันทึกบัญชีรายได้จากการให้บริการรายครั้ง เมื่อรับชำระเป็นเงินสด
2. การให้บริการแบบรับเงินมัดจำ
ในบางครั้ง ลูกค้าอาจซื้อบริการสำหรับ 10 ครั้งและจ่ายเงินล่วงหน้าไว้ก่อน หรือกรณีที่เป็นธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ที่ลูกค้าจ่ายเงินค่าเข้าพักล่วงหน้า ก่อนที่การให้บริการจะเสร็จสิ้น
ตัวอย่าง การบันทึกบัญชีรายได้จากการให้บริการ เมื่อรับเงินมัดจำล่วงหน้าเมื่อได้รับเงินมัดจำ
เมื่อลูกค้าใช้บริการเสร็จสิ้นแล้ว จึงสามารถรับรู้รายได้ของกิจการได้
ในกรณีข้างต้น เอกสารที่จะต้องออกให้แก่ลูกค้า ได้แก่ ใบเสร็จรับเงิน หรือ ใบกำกับภาษี โดยออกให้ ณ ตอนที่ได้รับเงิน แต่ในกรณีที่กิจการมีการเรียกเก็บเงินก่อนการให้บริการ ก็จะต้องมีการออกเอกสารใบวางบิลหรือใบแจ้งหนี้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างคร่าวๆ ในการบันทึกบัญชีรายได้สำหรับธุรกิจบริการนะคะ แต่ละกิจการอาจจะมีการขั้นตอนการรับรู้รายได้ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีการรับเงินและรูปแบบการให้บริการ
ระบุต้นทุนที่แท้จริงของบริการ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเราพูดถึงต้นทุน คนมักจะนึกถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า หรือ ต้นทุนที่ทำให้สินค้าอยู่ในสภาพพร้อมที่จะขาย
แต่สำหรับธุรกิจบริการ ที่ไม่มีสินค้าเป็นรูปธรรม ต้นทุนของธุรกิจบริการ คือ ต้นทุนเพื่อที่จะสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ตามที่ตกลงกัน
ส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึง ค่าแรงงาน ค่าวัสดุอุปกรณ์ ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการนั้นๆ
ยกตัวอย่าง
การให้บริการนวด ต้นทุนที่จำเป็นในการให้บริการ ได้แก่ ค่าแรงพนักงงาน (หมอนวด), ค่าอุปกรณ์ (น้ำมันนวด, ยาหม่อง) เป็นต้น
วิธีการคำนวณต้นทุนที่แท้จริงของบริการนวด 1 ชั่วโมง ก็คือ
ค่าแรงพนักงาน (สมมติให้ค่าแรงคิดเป็น 40% จากค่าบริการนวด) 40% x 500 = 200 บาท
ค่าน้ำมันนวด 1 ขวด 300 บาท ใช้ได้ 15 ครั้ง = 20 บาท ต่อครั้ง
รวม ต้นทุนที่แท้จริงของบริการนวด 1 ชั่วโมง เท่ากับ 220 บาท
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่าย หมายถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ใช่ต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการให้บริการโดยตรง
ยกตัวอย่าง
การให้บริการนวด ค่าใช้จ่าย อาจหมายถึง ค่าเช่าสถานที่, ค่าอุปกรณ์สำนักงาน, ค่าทำความสะอาด เป็นต้น
การจำแนกต้นทุนและค่าใช้จ่าย
การจำแนกต้นทุนและค่าใช้จ่ายออกจากกัน จะทำให้ได้รู้ว่าอะไรคือคำใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการหลัก และอะไรคือค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายอื่นๆ นั้น เป็นส่วนที่เจ้าของกิจการสามารถควบคุมเพื่อลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เงินได้
การวางแผนภาษี
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
สำหรับกิจการที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการหักลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายบางประเภทได้ เช่น
- ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน
- ค่าจ้างงานผู้สูงอายุ
การหักค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ จะต้องจัดเก็บใบเสร็จให้ถูกต้อง โดยในเอกสารจะต้องมีข้อมูลครบถ้วน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขที่ใบเสร็จ ฯลฯ เพราะหากเอกสารไม่สมบูรณ์ อาจไม่สามารถใช้หักภาษีได้
และควรมีการจัดเก็บเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการตรวจสอบ
ตัวช่วยจัดการบัญชีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในปัจจุบัน มีระบบบัญชีออนไลน์ที่เป็นตัวช่วยในการจัดการระบบบัญชีให้แก่ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าขาย หรือธุรกิจบริการ
โปรแกรม FlowAccount จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย รวมถึงแยกประเภทต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น สามารถช่วยคุณลดต้นทุนเวลา ค่าใช้จ่าย และยังสามารถบริหารธุรกิจได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจบริการ คือการมีระบบบัญชีที่แข็งแรง เริ่มจากการรับรู้รายได้หรือเปิดเอกสารทางธุรกิจ การรับรู้ค่าใช้จ่ายพร้อมเห็นหลักฐาน การทำระบบเงินเดือนที่ราบรื่น การบันทึกสินทรัพย์เพื่อประเมินค่าเสื่อมราคา ไปจนถึงการมองเห็นสุขภาพธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ เริ่มต้นที่สมัครใช้งาน FlowAccount ได้ฟรี ที่นี่
ติดตามค่าใช้จ่ายและใบเสร็จง่ายๆ ด้วย AutoKey
หมดปัญหาเรื่องการติดตามและจัดเก็บเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายและใบเสร็จรับเงิน ด้วยโปรแกรม AutoKey โปรแกรมสแกนบิลและใบเสร็จออนไลน์
- บันทึกค่าใช้จ่ายด้วยระบบสแกน AutoKey บนมือถือ หรือบนเว็บไซต์
- แนบไฟล์ หรือ รูปภาพ เป็นหลักฐาน
- ตรวจเช็ครายละเอียดค่าใช้จ่าย
- ระบบจะบันทึกบัญชีพร้อมแนบหลักฐานให้อัตโนมัติ
สมัครสมาชิกเพื่อทดลองใช้ฟรีได้ ที่นี่
ใช้ข้อมูลทางบัญชีวางแผนการเติบโต
ตัวเลขทางบัญชี ช่วยให้คุณสามารถวางแผนอนาคตและการเติบโตของกิจการได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนขยายกิจการ ขยายทีมงานได้อย่างมั่นใจ เพราะรู้สถานะทางการเงินของธุรกิจที่ชัดเจน
วิเคราะห์ตัวเลขเพื่อการเติบโต
เราสามารถใช้ FlowAccount โปรแกรมระบบบัญชีออนไลน์ จัดทำงบการเงินหลักๆ ได้แก่
- งบกำไรขาดทุน ที่มีตัวเลข รายได้ ค่าใช้จ่าย กำไร ขาดทุน
- งบแสดงฐานะการเงิน ที่บอกสินทรัพย์ หนี้สิน และทุน
อัตราส่วนทางการเงินที่ผู้ประกอบการควรรู้
จากตัวเลขทางบัญชีในงบการเงิน สามารถนำมาคำนวณอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ได้ โดยเราได้มีการคัดอัตราอัตราส่วนทางการเงินที่ผู้ประกอบการควรรู้เอาไว้ให้แล้ว ดังนี้
จากอัตราส่วนทางการเงินข้างต้น จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจได้ว่าจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการขายอย่างไร หรือจะต้องมีการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมอีก รวมทั้งสามารถวิเคราะห์โอกาสในการขยายกิจการในอนาคตได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การทำบัญชีอย่างโปร่งใส ยังทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อต้องขอสินเชื่อ ทำธุรกรรมกับธนาคาร หรือร่วมลงทุนกับผู้สนใจภายนอก
สุดท้ายนี้
การทำบัญชีอย่างถูกต้องและเป็นระบบ จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดงานธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าคุณจะประกอบธุรกิจประเภทใดก็ตาม หากคุณมีการจัดการบัญชีที่เป็นระบบ ข้อมูลทางบัญชีจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและการเติบโตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
About Author

A graduate student with degrees in Accounting and Financial Management, complemented by professional experience as an external auditor at a Big4 firm and as a Business Analyst in the financial sector.