คนที่ทำธุรกิจออนไลน์ อาจมีรายการโอนเงินเข้า–ออกบัญชีธนาคารอยู่บ่อยๆ เนื่องจากเราไม่ได้มีหน้าร้านเพื่อรับเงินค่าสินค้าแบบเงินสด บ่อยครั้งที่เงินโอนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ แต่บางครั้งก็ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ เช่น เงินโอนจากครอบครัว เงินรับบริจาค ฯลฯ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลาย เกิดความสงสัยว่า “ทำแบบนี้จะเสี่ยงโดนตรวจสอบไหม?” หรือถ้ามีรายการเงินเข้าออกบ่อยๆ “สรรพากรจะคิดว่าเรายื่นภาษีไม่ครบถ้วนหรือเปล่า?”
บทความนี้นุชเลยอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจถึงข้อกังวลต่างๆ ข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ไปจนถึงสิ่งที่ควรระวังเกี่ยวกับการโอนเงินเข้าออกบัญชีส่วนตัว เพื่อให้เราทำธุรกิจอย่างสบายใจกันค่ะ |
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleโอนเงินบ่อยๆ มีเรื่องอะไรน่ากังวลบ้าง
ลำดับแรก อยากชวนทุกคนมาจัดลำดับความสำคัญกันก่อนว่า ส่วนใหญ่แล้วการถูกตรวจสอบหรือการโดนเพ่งเล็งเรื่องเงินโอนนั้น หน่วยงานรัฐมักเพ่งเล็งเกี่ยวกับเงินเข้าบัญชีมากกว่าเงินออกบัญชีค่ะ
ฉะนั้น เวลาเรามีการโอนเงินเข้าบัญชีบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจ ค้าขาย หรือเหตุผลส่วนตัว มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลบ้าง นุชขอแยกออกเป็น 2 ประเด็นแบบนี้ค่ะ
1. ภาษี
การมีเงินโอนเข้าบ่อย ๆ อาจถูกมองว่ามีรายได้เยอะ แต่ยื่นภาษีไม่ครบถ้วนหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรในการตรวจสอบ
กรณีที่โดนตรวจสอบแล้ว สามารถแจกแจงได้ว่าเงินที่โอนเข้ามานั้นเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง และพิสูจน์ได้ว่านำส่งภาษีถูกต้องก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ แต่สำหรับคนที่แจกแจงไม่ได้ หรือไม่ยื่นภาษีให้ครบถ้วน เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลจริงๆ แล้วล่ะค่ะ!
2.ธนาคาร
ทางธนาคารเองก็มีหน้าที่ดูแลระบบการเงินให้โปร่งใส จึงมีมาตรการป้องกันการฟอกเงินหรือธุรกรรมที่ไม่ชอบมาพากล ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
หากบัญชีของเรามีการโอนเงินเข้ามาแบบผิดปกติ มีรูปแบบที่น่าสงสัย หรือมีจำนวนสูงมากเกินกว่าที่เคย ก็อาจเป็นเหตุให้บัญชีของเราถูกตรวจสอบตามกฎหมายได้เช่นกันค่ะ
กฎเกณฑ์การรายงานธุรกรรมลักษณะเฉพาะแก่สรรพากร
แม้ว่าการมีโอนเงินเข้าบัญชีบ่อย ๆ จะไม่ได้ถูกฟังธงว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายทันที แต่กฎหมายนั้นกำหนดไว้ว่า ธนาคารเองก็ต้องนำส่งข้อมูลให้กับสรรพากรเพื่อเป็นข้อมูล และอาจใช้ในการตรวจสอบการหลีกเลี่ยงภาษีได้ค่ะ ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) และ กฎกระทรวงฉบับที่ 355
สรุปโดยย่อตามกฎหมายนี้เค้าบอกไว้ว่า สถาบันการเงินต้องรายงานธุรกรรมเงินสดหรือการโอนเงินที่เกินเกณฑ์ตามกฎหมายดังต่อไปนี้ให้กับกรมสรรพากร
- ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไปในปีนั้น ๆ
- ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไปในปีนั้น ๆ และ ต้องมียอดรวมจำนวนเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปด้วย (ต้องเข้า 2 เงื่อนไข)
ตัวอย่าง เงินเข้าบัญชีแบบนี้ถูกนำส่งข้อมูลให้สรรพากรหรือไม่?
- คุณเจี๊ยบขายสินค้าออนไลน์ราคาถูกจากโรงงาน
มีลูกค้าโอนเงินมาจำนวนมากทุกวัน รวมๆ แล้ววันละ 15 รายการ ตกเฉลี่ยรายการละ 200 บาท
ทำให้ในปีนั้น เธอจะมีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวน 15x365 = 5,475 ครั้ง คิดเป็นมูลค่า 5,475 x 200 = 1,095,000 บาท
กรณีนี้ คุณเจี๊ยบจะถูกธนาคารนำส่งข้อมูลให้กับสรรพากร เนื่องจากเข้าเงื่อนไข “ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไปในปีนั้น ๆ”
- คุณกุ๊กไก่ขายกระเป๋าแฮนเมดออนไลน์ใบละ 10,000 บาท
โดยรับออร์เดอร์เดือนละ 30 ออร์เดอร์
ทำให้ในปีนั้น เธอจะมีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวน 30x12 = 360 ครั้ง คิดเป็นมูลค่า 10,000 x 360 = 3,600,000 บาท
กรณีนี้ คุณกุ๊กไก่จะไม่ถูกธนาคารนำส่งข้อมูลให้กับสรรพากร เนื่องจากเข้าไม่เข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อนี้ คือ ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันไม่ถึง 400 ครั้ง ถึงแม้ยอดโอนจะเกิน 2 ล้านบาทก็ตาม (ต้องเข้าข้อกำหนดทั้ง 2 อย่าง)
การที่เราถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบ เนื่องจากข้อมูลที่ธนาคารนำส่งไปให้แก่สรรพากรตามกฎหมายนั้น ไม่ได้หมายความว่า เราทำผิดกฎหมาย หรือจะถูกเรียกเก็บภาษีเสมอไปนะคะ เพราะสิ่งสำคัญคือ เราต้องพิสูจน์แหล่งที่มาของเงินให้ได้
แล้วเราจะพิสูจน์แหล่งที่มาของเงินได้อย่างไร วิธีการง่าย ๆ ก็คือ การทำบัญชี และการเก็บเอกสารต่าง ๆ ให้ครบ เช่น ใบเสร็จ สัญญา หรือหลักฐานการค้าต่าง ๆ รวมไปถึงหลักฐานการนำส่งภาษีประจำปีนั่นเองค่ะ
ถ้าเรามีข้อมูลพร้อม ก็สามารถโชว์ได้ชัดว่าเงินนี้มาจากไหน ถ้าเป็นเงินโอนส่วนตัวในครอบครัว หรือโอนระว่างบัญชีของเราเอง ก็สามารถแยกแยะให้สรรพากรได้ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจค่ะ แต่ถ้าแยกแยะแล้ว มีเงินบางส่วนที่เป็นรายได้ และเรานำส่งภาษีไม่ครบถ้วน เราก็ต้องจ่ายภาษีไปตามระเบียบนะคะ
สิ่งที่ควรระวัง
เพราะการโอนเงินเข้าออกบ่อย ๆ อาจถูกจับตา การทำธุรกิจต่อจากนี้ควรทำอย่างรอบคอบ นุชแนะนำ 4 เรื่องที่ควรทำเพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากเมื่อถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบในอนาคตแบบนี้ค่ะ
- แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัวให้ชัด เพื่อเวลามีรายการโอนใด ๆ เราจะได้ไม่ปนกันจนตรวจสอบยาก
- จัดทำบัญชีอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในฝั่งรายได้ และค่าใช้จ่าย
- เก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้ เช่น หลักฐานการรับเงินจากธุรกิจ และหลักฐานการจ่ายเงินเพื่อธุรกิจ
- นำส่งภาษีเงินได้ส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเก็บแบบภาษีประจำปีไว้
สรุป
การโอนเงินเข้า–ออกบัญชีบ่อย ๆ ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ต้องทำใจว่าข้อมูลของเราอาจถูกธนาคารนำส่งให้กับสรรพากรค่ะ สิ่งที่เราต้องใส่ใจ คือ หากเงินนั้นเป็นรายได้ ควรทำบัญชีและยื่นภาษีอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก เพื่อลดความกังวล และภาระภาษีจากการถูกตรวจสอบ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน หรือเป็นจุดเริ่มต้นดี ๆ ในการเริ่มทำบัญชีของธุรกิจตัวเอง ที่สามารถเริ่มทำได้ง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์อย่าง FlowAccount ก็ได้ค่ะ และถ้าคิดว่าเรื่องนี้ยากเกินกว่าที่เราจะรับมือไหว แนะนำปรึกษานักบัญชีที่เชี่ยวชาญ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งนะคะ
About Author

เพจให้ความรู้เรื่องบัญชีสำหรับเจ้าของธุรกิจ ที่อยากให้บัญชีเป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัว และมีประโยชน์กับธุรกิจ ภายใต้แนวคิดทีว่า “ทำบัญชี แล้วจะมีกำไร”
ร่วมสมัครเป็นนักเขียนกับ FlowAccount ได้ที่นี่