เจ้าของกิจการ SMEs อยากจะขยายกิจการที ถ้าไม่ได้มีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ก็น่าจะทำได้ยาก ลำพังเงินทุนของตัวเองก็คงจะไม่มากพอ ครั้นจะไปยืมเงินคนรู้จัก สมัยนี้ก็ทำได้ยาก เพราะทุกคนต่างก็มีภาระต้องรับผิดชอบ

เอาล่ะ…แล้วถ้าการกู้เงินจากธนาคารเป็นคำตอบสุดท้ายของการขยายธุรกิจล่ะ เจ้าของกิจการ SMEs อย่างเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ FlowAccount จะมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ รับรองว่าไม่ยาก (และก็ไม่ง่าย) จนเกินไปสำหรับทุกคนค่ะ

ประเมินตัวเองก่อนขอกู้เงิน

อันดับแรกเลย อยากจะชวนทุกคนมาลองประเมินตัวเองกันก่อนค่ะ ว่าโปรเจคที่เราอยากทำคืออะไร ต้องใช้เงินทุนเท่าไร และมีความเป็นไปได้ที่จะคืนทุนหรือไม่ 

วิธีประเมินตัวเองง่ายๆ ที่อยากแนะนำ ประกอบด้วย 3 เรื่องนี้

• ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร ลิสออกมาให้หมดตั้งแต่ค่าเครื่องจักร ค่าผลิตสินค้า และเงินทั้งหลายที่ต้องจ่ายเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จ 

• ขายให้ใคร ได้เท่าไร แม้จะลงทุนเก่ง แต่ว่าไม่มีแผนรองรับสำหรับการขายและการตลาด เราอาจจะพลาด เสียเงินทั้งหมดไปกับการลงทุน ฉะนั้น อย่าลืมคาดการณ์ยอดขายเอาไว้ในอนาคตว่าต่อจากนี้จะมีเงินเข้ามาแต่ละปีเป็นเท่าไรบ้าง 

• คำนวณจุดคุ้มทุน ถัดมาลองเอาข้อมูล เงินลงทุน และรายได้มาคำนวณระยะเวลาคืนทุนง่ายๆ ด้วยสูตรนี้ ระยะเวลาคืนทุน = เงินลงทุน/รายได้ต่อปี

เพียงเท่านี้เราก็พอจะทราบคร่าวๆ แล้วค่ะว่าการลงทุนขยายกิจการใครคราวนี้จะต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะคืนทุน สมมติเราตั้งเป้าว่าอยากคืนทุนใน 5 ปี แต่พอคำนวณแล้วใช้เวลากว่า 10 ปีถึงจะคืนทุน ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะต้องย้อนกลับไปทำการบ้านใหม่ และยังไม่ตัดสินใจกู้เงิน

ไม่ว่าจะคำนวณจุดคุ้มทุนด้วยวิธีไหน แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องมั่นใจ ก็คือว่าการลงทุนครั้งนี้ เราต้องได้กำไรกลับมา แล้วจัดค่อยไปขอกู้ยืมเงินธนาคารนะคะ

ต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง เพื่อยื่นขอกู้กับสถาบันการเงิน 

หลายคนที่ทำธุรกิจ SMEs  น้อยคนนักที่จะมีประสบการณ์การกู้เงินมาก่อน ดังนั้น เรื่องที่ทุกคนน่าจะกังวลใจที่สุดก็คือ การเตรียมเอกสารอย่างไรจึงจะขอกู้เงินผ่าน

เอกสารที่ใช้ในการขอกู้ยืมเงินจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้

• เอกสารข้อมูลทางการเงิน โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทมักจะถูกขอข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง 2-3 ปี เพื่อประเมินความสามารถในการจ่ายชำระหนี้และดอกเบี้ยของบริษัท ในรายละเอียดธนาคารต่างๆ อาจต้องการเอกสารที่ต่างกันไป แต่ทว่าข้อมูลพื้นฐานที่ขาดไม่ได้เลย ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าก็คือ

• • งบการเงินย้อนหลัง
  • ข้อมูลการยื่นแบบภาษี เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • แผนธุรกิจ 

• เอกสารยืนยันตัวตน เช่น หนังสือรับรองบริษัท แบบบอจ.5  หากมีการจดทะเบียน Vat ก็ต้องมี แบบภพ.20 ด้วยนะ  

นอกจากนี้แล้ว เมื่อตกลงวงเงินกู้ได้ ธนาคารอาจจะขอหลักฐานในการค้ำประกันวงเงิน ซึ่งแล้วแต่ธนาคารว่าจะให้ค้ำประกันเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของวงเงิน ยกตัวอย่างเช่น ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำ 80% ของวงเงิน หรือมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งบริษัทอาจใช้กรรมการเป็นผู้ค้ำประกันได้

สิ่งที่น่าหนักใจสำหรับคนทำธุรกิจ SMEs ก็คือ ถ้าไม่เคยมีงบการเงินเลย หรือมีแต่ไม่เคยอ่านงบ ไม่รู้ว่าสถานะธุรกิจเป็นอย่างไร อาจจะไปอธิบายกับธนาคารยากหน่อยว่าในอนาคต เราจะสามารถจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้จริงๆ ไหมนะ

อ่านสัญญาเงินกู้ให้ละเอียด 

ถ้าเราได้รับอนุมัติการให้กู้จากธนาคารแล้ว สิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องทำคือ ต้องอ่านสัญญาให้ละเอียด แบบละเอียดยิบเลยล่ะ (แม้ว่าสัญญาจะหนาเพียงใดก็ตาม…แง)

จุดสำคัญที่เราต้องเน้นเป็นพิเศษ มีดังนี้

• เงื่อนไขการกู้ยืม เจ้าของธุรกิจต้องอ่านให้ดีว่า ในสัญญามีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น การรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเท่าใด การค้ำประกันวงเงิน การกู้ร่วม ประเภทสัญญาการกู้ยืม ค่าธรรมเนียมการกู้ยืม การรีไฟแนนซ์ เรื่องเหล่านี้เราละเลยไม่ได้เลยนะ หากมีปัญหาภายหลัง โทษใครไม่ได้เลยนะเพราะเราเซ็นไปแล้ว
• เงื่อนไขการผ่อนชำระ ข้อนี้สำคัญมาก เจ้าของธุรกิจต้องรู้ ว่าเราต้องจ่ายเงินต้นงวดละเท่าไหร่ ดอกเบี้ยงวดละเท่าไหร่ จ่ายวันไหน หากผิดนัดชำระ เราจะเสียประวัติทางการเงินค่ะ ทำให้ครั้งต่อไปขอกู้เงินยากขึ้น ซึ่งเราสามารถขอตารางการผ่อนชำระกับธนาคารได้ อย่าลืมขอกันด้วยล่ะ

เมื่อชำระดอกเบี้ย และเงินต้นแต่ละงวด ต้องลงบัญชีบน FlowAccount อย่างไรบ้าง

การบันทึกบัญชีบน FlowAccount สำหรับรายการกู้ยืมเงิน ไม่ได้ซับซ้อนค่ะ เจ้าของธุรกิจสามารถทำได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ 

ในขั้นตอนนี้ Flowaccount มี Function เตรียมเอกสารสำหรับจ่ายชำระหนี้ สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยค่ะ

https://flowaccount.com/faq/knowledge-base/reverse-accrual/?fbclid=IwAR3G9eZ57kvAaii-mDJEZiY91qflfnY8q7enkOkGt4FA1dtAxgGlZ0kMk_o

สรุป

ขั้นตอนการขอกู้ยืมเงินจากธนาคาร ต้องมีการเตรียมความพร้อม ตั้งแต่การสำรวจตัวเอง การเตรียมเอกสาร ไปจนถึงการอ่านเงื่อนไขในสัญญาให้เรียบร้อย ก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นกู้ยืมเงิน 

อ่านจนมาถึงตรงนี้ ทุกคนน่าจะคิดว่าการกู้เงินนั้นทำได้ไม่ยากถ้ารู้จักเตรียมตัวและมีการเก็บข้อมูลทางบัญชีอย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่ยากกว่าการขอกู้เงินนั้น ก็คือ การลงมือทำตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้ธุรกิจขยายได้จริงตามเป้า ซึ่งนั่นอาศัยทั้งเวลาและกำลังใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ