มีใครเป็นแบบนี้บ้างมั้ยคะ ทำธุรกิจมาสักพักแล้วยังเถียงกับตัวเองอยู่ในหัวว่า “เราควรทำธุรกิจแบบบุคคลธรรมดาหรือบริษัทดีนะ?” แล้วพอลองเซิร์จข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็สับสนเหลือเกินว่าควรทำอย่างไร ตัดสินใจอย่างไรดี 

ในความเป็นจริงแล้ว เราอาจจะตัดสินใจได้ยาก ถ้าเราไม่มีข้อมูล หรือไม่รู้ความแตกต่างระหว่างทำธุรกิจบุคคลธรรมดาและบริษัทค่ะ ฉะนั้น ก่อนที่จะข้ามช็อตไปตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต เราลองมาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการทำธุรกิจ 2 รูปแบบกันก่อนในบทความนี้ค่ะ

การจดทะเบียน

เริ่มต้นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนค่ะ โดยปกติแล้วการทำธุรกิจต้องมีการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายค่ะ ซึ่งบุคคลธรรมดานั้นจะมีความแตกต่างกับบริษัท ดังนี้

ภาษีที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่ทุกคนกังวลมากๆ คงหนีพ้นเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้องสำหรับการทำธุรกิจค่ะ การทำธุรกิจแบบบุคคลธรรมดาเสียภาษีแตกต่างกับบริษัทอย่างสิ้นเชิงเลย ในเบื้องต้นเราขออธิบายเกี่ยวกับภาษีให้ทุกคนเห็นภาพตามตารางนี้ค่ะ

เงินลงทุนก่อสร้าง

ประเด็นถัดมาเป็นเรื่องการลงทุนในธุรกิจค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง โรงงาน ติดตั้งเครื่องจักร หรือว่าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาในธุรกิจ ถ้าเราทำแบบบุคคลธรรมดากับทำแบบบริษัทจะมีความแตกต่างอย่างไรบ้าง

ค่าจ้างพนักงาน

นอกจากการลงทุนในธุรกิจแล้ว อีกเรื่องนึงที่ขาดไม่ได้ก็คือ การจ่ายเงินค่าจ้างพนักงานค่ะ ถ้าเราต้องจ้างงานลูกน้อง หรือทีมงานมาช่วยในกิจการ การจ้างงานในนามบุคคลธรรมดานั้น แตกต่างอย่างไรกับธุรกิจในนามบริษัท

การส่งงบการเงิน

สุดท้ายเป็นเรื่องการส่งงบการเงินค่ะ หลายคนน่าจะพอทราบอยู่แล้วว่ากฎหมายไม่ได้บังคับให้บุคคลธรรมดาทำบัญชี ฉะนั้นก็ไม่ต้องส่งงบการเงินให้กับใครค่ะ สำหรับบริษัทนั้น เราต้องทำบัญชีให้เรียบร้อย เพราะงบการเงินต้องนำส่งหน่วยงานราชการ ทีนี้มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไรอีกบ้าง ลองมาดูกันนะคะ

ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นข้อแตกต่างสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดาและบริษัท แม้ว่าเราจะเลือกทางไหนก็คงไม่ผิด ถ้าเรารู้ว่าเราเลือกรูปแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไร สุดท้ายแล้วเป้าหมายสำคัญของการทำธุรกิจแท้จริงนั้นอยู่ที่การมีกำไร ซึ่งหนทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าเรามีกำไรจริงไหม คงมีแค่ทางเลือกเดียว ก็คือ การทำบัญชี