
| สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวช่วงปลายปี ถึงเวลาเตรียมตัวได้เลย! หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการ “เที่ยวดีมีคืน 2568” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทำให้ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วโครงการเที่ยวดีมีคืน สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุดถึง 30,000 บาท |
สำหรับผู้ที่วางแผนจะเดินทางในช่วงปลายปีนี้ สามารถศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขของมาตรการ เที่ยวดีมีคืน 2568 เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ในบทความนี้ได้เลย เพราะ FlowAccount ได้ทำการสรุปวิธีการลงทะเบียน สำหรับการนำไปใช้ลดหย่อนภาษี มาอธิบายแบบเข้าใจง่าย
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleเที่ยวดีมีคืน 2568 คืออะไร ?
“เที่ยวดีมีคืน 2568” คือมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น ค่าที่พัก และค่าอาหาร มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น
โดยสิทธิพิเศษของมาตรการ เที่ยวดีมีคืน 2568 คือถ้าคุณท่องเที่ยวไปเมืองรอง (เมืองหรือจังหวัดที่ไม่ใช่กรุงเทพและเมืองหลักจังหวัดสำคัญ) คุณจะได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีถึง 1.5 เท่า ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้จ่าย 10,000 บาทเที่ยวเมืองรอง คุณสามารถนำเงิน 15,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีได้
เที่ยวดีมีคืน 2568 เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่เมื่อไร ?
ประชาชนทั่วไปสามารถเริ่มใช้จ่ายในมาตรการเที่ยวดีมีคืน เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะต้องเกิดขึ้นและชำระเงินภายในช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น เพื่อนำไปใช้ยื่นลดหย่อนภาษีในช่วงต้นปี 2569
เที่ยวดีมีคืน 2568 มีเงื่อนไขอะไรบ้าง? ใครได้รับสิทธิ์บ้าง
สำหรับมาตรการเที่ยวดีมีคืน 2568 จะแบ่งเงื่อนไขออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ ประชาชนทั่วไป, บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล, โรงแรมที่พัก ที่ต้องการต่อเติม ปรับปรุงพื้นที่ ให้ดีขึ้น และสำหรับผู้ประกอบการกิจการบันเทิง ซึ่งแต่ละประเภท มีเงื่อนไขดังนี้
1. สำหรับประชาชนทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท
ครอบคลุมค่าบริการที่พัก เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ และค่าอาหารจากร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้ โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท สำหรับการเที่ยวในเมืองหลัก และขยายวงเงินเป็น 30,000 บาทสำหรับการเที่ยวในเมืองรอง
วิธีการคำนวณสิทธิ์ เที่ยวดีมีคืน สำหรับประชาชนทั่วไป
- เที่ยวเมืองหลัก: หักลดหย่อนได้ 1 เท่าของจำนวนเงินที่จ่ายจริง
- เที่ยวเมืองรอง: หักลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของจำนวนเงินที่จ่ายจริง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว
เอกสารประกอบการยื่นภาษีที่ต้องใช้:
- สำหรับ 10,000 บาทแรก: ใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้ทั้งในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
- สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท: ต้องใช้ใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice เท่านั้น
ช่วงเวลาที่สามารถใช้สิทธิ์: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะต้องเกิดขึ้นภายในวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 15 ธันวาคม 2568
2. สำหรับบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักรายจ่ายจัดอบรม สัมมนาได้ 2 เท่า
สำหรับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนบริษัท เป็นนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายจากการจัดอบรมสัมมนาให้แก่พนักงานภายในประเทศ มาใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ในอัตราพิเศษ เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมขององค์กร
อัตราการหักรายจ่ายทางภาษี
- หักรายจ่ายตามที่จ่ายจริงได้ 2 เท่า: สำหรับการจัดกิจกรรมในจังหวัดเมืองรอง
- หักรายจ่ายตามที่จ่ายจริงได้ 1.5 เท่า: สำหรับการจัดกิจกรรมในจังหวัดเมืองหลัก
โดยค่าใช้จ่ายที่เข้าเกณฑ์ จะครอบคลุมค่าห้องสัมมนา, ค่าที่พักพนักงาน, ค่าขนส่ง, ค่าบริการนำเที่ยว และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสัมมนาโดยตรง โดยต้องใช้หลักฐานการชำระเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เป็นหลักฐานสำคัญเท่านั้น โดยมีข้อยกเว้นสำหรับค่าขนส่งที่สามารถใช้ e-Receipt ได้
ช่วงเวลาที่สามารถใช้สิทธิ์: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะต้องเกิดขึ้นภายในวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 15 ธันวาคม 2568
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : จดทะเบียนพาณิชย์ จดทะเบียนบริษัท จด VAT แตกต่างกันอย่างไร
3. สำหรับโรงแรม รีสอร์ท รัฐช่วยสนับสนุนการปรับปรุงพื้นที่
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมสามารถนำรายจ่ายลงทุนในการปรับปรุง ต่อเติม หรือขยายอาคารสถานประกอบการ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ติดตั้งแบบถาวร มาหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ถึง 2 เท่า ของมูลค่าการลงทุน (ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงตามปกติ)
วิธีการหักรายจ่าย:
- ส่วนที่ 1: หักเป็นค่าเสื่อมราคาและค่าสึกหรอตามหลักเกณฑ์ปกติ
- ส่วนที่ 2 (สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม): สามารถทยอยหักรายจ่ายส่วนเพิ่มได้เท่ากันเป็นระยะเวลา 20 รอบบัญชี
นอกจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ภาครัฐยังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินพิจารณาจัดเตรียมแหล่งเงินทุน (Soft Loan) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการปรับปรุงและยกระดับโรงแรมอีกด้วย
ช่วงเวลาที่สามารถใช้สิทธิ์: ครอบคลุมรายจ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึง 31 มีนาคม 2569
4. สำหรับผู้ประกอบการกิจการบันเทิง ขยายเวลาลดภาษีออกไปอีก 1 ปี
ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับผู้ประกอบการสถานบันเทิงหรือสถานบริการหย่อนใจ ครอบคลุมกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภท 17.01 เช่น ไนต์คลับ, ดิสโก้เธค, ผับ, บาร์, และค็อกเทลเลาจน์ ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งลดเพิ่มจาก 10% เป็น 5%
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2569 ซึ่งกรมสรรพสามิตจะทำงานร่วมกับกรมการปกครองเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนในระบบให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการขยายฐานภาษีต่อไป

เอกสารที่ต้องใช้ในมาตรการ เที่ยวดีมีคืน 2568 ต้องใช้อะไรบ้าง ?
หัวใจสำคัญที่สุดของการใช้สิทธิ์นี้คือการเก็บหลักฐานการใช้จ่าย ซึ่งต้องเป็น “ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ” เท่านั้น โดยมีข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบของเอกสารดังนี้:
- ค่าใช้จ่าย 10,000 บาทแรก: สามารถใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้ทั้งแบบกระดาษ หรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
- ค่าใช้จ่ายส่วนที่เกิน 10,000 บาท (สำหรับ 10,000 บาทหลัง): จำเป็นต้องใช้หลักฐานเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น
สิ่งสำคัญที่ต้องระบุในใบกำกับภาษี: คือชื่อ-นามสกุล และหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ใช้สิทธิ์ ต้องถูกต้องครบถ้วน ดังนั้นอย่าลืมแจ้งข้อมูลกับผู้ประกอบการทุกครั้งก่อนชำระเงิน จากนั้นก็แค่เก็บเอกสารทั้งหมดไว้ให้ดีแล้วนำไปยื่นลดหย่อนภาษีในช่วงต้นปีตามปกติ
เที่ยวเมืองหลัก เที่ยวเมืองรอง ได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีต่างกันหรือไม่ ?
แตกต่างกันอย่างชัดเจน และนี่คือจุดเด่นของมาตรการเที่ยวดีมีคืน 2568 ที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยมีโครงสร้างการลดหย่อนดังนี้
เที่ยวเมืองหลัก สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนได้ 1 เท่า ตามที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท
- ตัวอย่าง: จ่ายค่าโรงแรมในเมืองหลัก 15,000 บาท จะลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท
เที่ยวเมืองรอง สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ของค่าใช้จ่ายจริง แต่เมื่อคำนวณแล้วยอดลดหย่อนสูงสุดต้องไม่เกิน 30,000 บาท
- ตัวอย่าง: จ่ายค่าโฮมสเตย์และร้านอาหารในเมืองรองรวม 10,000 บาท จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 15,000 บาท (10,000 x 1.5)
55 เมืองรองที่ใช้สิทธิ์ เที่ยวดีมีคืน 2568 ได้ มีจังหวัดไหนบ้าง ?
เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่คุ้มค่ากว่า ประชาชนทั่วไปที่สนใจใช้มาตรกรา เที่ยวดีมีคืน 2568 เพื่อลดหย่อนภาษี สามารถเลือกเดินทางไปยัง 55 จังหวัดเมืองรองทั่วประเทศ ดังนี้
จังหวัดเมืองรองภาคเหนือ
จังหวัดเมืองรองภาคเหนือ ที่เข้าร่วมมาตราการเที่ยวดีมีคืน 2568 ได้แก่ ทุกอำเภอในจังหวัด : แม่ฮ่องสอน, เพชรบูรณ์, น่าน, ลำพูน, สุโขทัย, เชียงราย, พะเยา, แพร่, อุตรดิตถ์, ตาก, กำแพงเพชร, พิจิตร, นครสวรรค์, อุทัยธานี
จังหวัดเมืองรองภาคอีสาน
จังหวัดเมืองรองภาคอีสาน ที่เข้าร่วมมาตราการเที่ยวดีมีคืน 2568 ได้แก่ ทุกอำเภอในจังหวัด : เลย, บุรีรัมย์, หนองคาย, นครพนม, สกลนคร, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ชัยภูมิ, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, ยโสธร, หนองบัวลำภู, บึงกาฬ, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, อำนาจเจริญ
จังหวัดเมืองรองภาคกลาง
จังหวัดเมืองรองภาคกลาง ที่เข้าร่วมมาตราการเที่ยวดีมีคืน 2568 ได้แก่ ทุกอำเภอในจังหวัด : ราชบุรี, สมุทรสงคราม, ลพบุรี, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, สุพรรณบุรี
จังหวัดเมืองรองภาคตะวันออก
จังหวัดเมืองรองภาคตะวันออก ที่เข้าร่วมมาตราการเที่ยวดีมีคืน 2568 ได้แก่ ทุกอำเภอในจังหวัด : จันทบุรี, ตราด, สระแก้ว, ปราจีนบุรี, นครนายก
จังหวัดเมืองรองภาคใต้
จังหวัดเมืองรองภาคใต้ ที่เข้าร่วมมาตราการเที่ยวดีมีคืน 2568 ได้แก่ ทุกอำเภอในจังหวัด : ตรัง, สตูล, พัทลุง, ระนอง, ชุมพร, นราธิวาส, ยะลา, ปัตตานี, นครศรีธรรมราช
15 จังหวัดเมืองรอง ที่เข้าร่วมมาตรการ เที่ยวดีมีคืน เฉพาะแค่ในบางอำเภอ
นอกจากจังหวัดที่กล่าวไปแล้ว ยังมีบางอำเภอในอีก 15 จังหวัด ที่เข้าร่วมมาตรการเที่ยวดีมีคืน 2568 ด้วยเช่น บางอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่, บางอำเภอในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, บางอำเภอในจังหวัดกระบี่ ฯลฯ โดยคุณสามารถเช็กรายชื่อจังหวัดและอำเภอทั้งหมด ที่สามารถใช้สิทธิ์ เที่ยวดีมีคืน 2568 ได้ที่นี่
แชร์เทคนิคใช้สิทธิ์ ‘เที่ยวดีมีคืน 2568’ ให้คุ้มค่า ลดหย่อนภาษีได้เยอะที่สุด
เพื่อให้ทริปของคุณคุ้มค่าและสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่ การวางแผนล่วงหน้านั้นมีความสำคัญ ลองนำ 5 เทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อให้คุณไม่พลาดสิทธิประโยชน์สูงสุดจากโครงการ "เที่ยวดีมีคืน 2568"
- ปักหมุดที่ ‘เมืองรอง’: การเลือกเที่ยวใน 55 จังหวัดเมืองรองเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มมูลค่าการลดหย่อนภาษีของคุณให้สูงขึ้น 1.5 เท่า ทำให้ลดหย่อนภาษีได้มากกว่า (แต่เที่ยวเมืองหลักก็สามารถใช้ลดหย่อนได้เหมือนกัน)
- สอบถามก่อนจ่าย: ก่อนตัดสินใจเข้าพักหรือใช้บริการร้านอาหาร ให้สอบถามให้แน่ใจว่า “สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้หรือไม่?” เพื่อให้ไม่พลาดสิทธิ์
- เตรียมข้อมูลให้พร้อม: แจ้งชื่อ-นามสกุล และหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรที่ถูกต้องของคุณให้กับผู้ประกอบการเสมอ เพื่อความถูกต้องของเอกสาร
- วางแผนใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ์: หากคุณมีแผนการเดินทางที่ยืดหยุ่น ลองวางแผนค่าใช้จ่ายให้เข้าใกล้เพดานสูงสุด เพื่อจะได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
- เก็บรักษาเอกสารสำคัญให้ดี: รวบรวมใบกำกับภาษีทุกใบที่ได้รับจากการเดินทางในครั้งนี้ใส่แฟ้มหรือซองไว้ให้ดี เพื่อความสะดวกในการยื่นภาษีตอนต้นปีหน้า หรือถ้าขอเป็นใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ได้จะดีมาก
‘เที่ยวดีมีคืน 2568’ มาแล้ว! ธุรกิจของคุณพร้อมรับสิทธิประโยชน์สูงสุดแล้วหรือยัง?
สำหรับผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท และร้านอาหารที่จดทะเบียน VAT แล้ว และอยากเตรียมพร้อมรับลูกค้าในโครงการ ‘เที่ยวดีมีคืน 2568’ ได้อย่างไม่มีสะดุด เราขอแนะนำ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ที่มีฟีเจอร์ในการออก e-Tax Invoice ช่วยให้คุณออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ส่งตรงถึงอีเมลลูกค้าได้ทันทีหลังชำระเงิน เพิ่มความรวดเร็วและความเป็นมืออาชีพในการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
และยังช่วยให้คุณจัดเก็บเอกสารออนไลน์อย่างเป็นระบบ ทำให้ร้านค้าของคุณพร้อมรองรับลูกค้าและยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่อยากเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจเข้าร่วมมาตรการ เที่ยวดีมีคืน 2568 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ จากภาครัฐในอนาคต
ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ได้ฟรี 30 วันคลิกเลย
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับมาตรการเที่ยวดีมีคืน 2658
หากเดินทางไปเที่ยว แต่ไม่ได้พักโรงแรมหรือทานร้านอาหารใหญ่ ๆ สามารถใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง?
ตอบ: สิทธิ์ของ "เที่ยวดีมีคืน" จะจำกัดอยู่ที่ร้านค้าหรือโรงแรม ที่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้เท่านั้น แต่หากคุณเดินทางท่องเที่ยวและเลือกใช้จ่ายกับร้านค้าและร้านอาหารขนาดเล็ก หรือร้านค้าชุมชนซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในระบบ VAT คุณจะไม่สามารถใช้สิทธิ์เที่ยวดีมีคืนได้ แต่ร้านค้าเหล่านี้มักจะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง 2568 ซึ่งจะช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทันทีที่หน้าร้าน
หากค่าใช้จ่ายเกิน 10,000 บาท แต่โรงแรมหรือร้านอาหารไม่สามารถออก e-Tax Invoice ให้ได้ จะทำอย่างไร?
ตอบ: ในกรณีนี้ คุณจะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เฉพาะค่าใช้จ่ายใน 10,000 บาทแรกที่สามารถใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษได้เท่านั้น สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนที่เกิน 10,000 บาทขึ้นไป จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้หากไม่มี e-Tax Invoice ดังนั้น เพื่อรักษาสิทธิ์ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรสอบถามผู้ประกอบการล่วงหน้าว่าสามารถออก e-Tax Invoice ได้หรือไม่ก่อนเสมอ หากต้องมีการใช้จ่ายเกิน 10,000 บาท
หากเดินทางไปเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรองในทริปเดียวกัน จะคิดคำนวณสิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างไร?
ตอบ: สิทธิ์ลดหย่อนจะถูกคำนวณแยกตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละพื้นที่ โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเมืองหลักจะสามารถลดหย่อนได้ 1 เท่า (สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท) ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเมืองรองจะสามารถลดหย่อนได้ 1.5 เท่า (สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท) ดังนั้น คุณจะต้องขอใบกำกับภาษีแยกตามสถานประกอบการในแต่ละจังหวัด เพื่อนำยอดค่าใช้จ่ายของแต่ละส่วนมาคำนวณสิทธิ์แยกกันตอนยื่นภาษี
About Author

Senior Marketer – Inbound / CRO ที่มีพื้นฐานประสบการณ์จากสายสื่อสารมวลชน ยังคงรักในการสัมภาษณ์และอัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ หากมีอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับ FlowAccount จะรีบนำมาเล่าให้ทุกคนได้รู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ