SME คืออะไร? มีกี่ประเภท มีตัวอย่างธุรกิจ SME อะไรน่าสนใจบ้าง ?

SME คือ

SME คือรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ ทั้งในรูปแบบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งมีส่วนช่วยในการกระจายรายได้และสร้างอาชีพให้กับประชากรจำนวนมาก แต่ท่ามกลางโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน การปรับตัวและนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจไม่เพียงแค่อยู่รอด แต่สามารถก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน

บทความนี้จะพาผู้ประกอบการไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าธุรกิจ SME มีกี่ประเภท และมีลักษณะการดำเนินงานอย่างไร พร้อมเจาะลึกแนวทางการบริหารจัดการที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อให้คุณสามารถเตรียมความพร้อมในการยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัลได้

เลือกอ่านได้เลย!

SME คืออะไร ? มีลักษณะอย่างไรบ้าง

SME ย่อมาจาก Small and Medium Enterprises ซึ่ง SME คือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครอบคลุมโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงานในรูปแบบบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไปจนถึงการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่าง ‘บริษัทจำกัด’ 

 

โดยในปัจจุบันธุรกิจ SME มีอยู่ในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ ทั้งภาคการผลิตสินค้า ภาคการค้าปลีก-ค้าส่ง และภาคการบริการ โดยไม่ได้ยึดติดกับการมีหน้าร้านแบบถาวรเพียงอย่างเดียว แต่สามารถขยายตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไร้พรมแดน ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งในและต่างประเทศ 


SME ในประเทศไทย มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ? 

เพื่อให้การสนับสนุนจากภาครัฐและการจัดเก็บข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีระบบ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงได้แบ่งประเภทของ SME ออกเป็น 3 หมวดหมู่หลักตามลักษณะการดำเนินธุรกิจ ดังนี้


ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้า (Trading)

ธุรกิจประเภทนี้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งต่อสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ครอบคลุมทั้งการค้าส่ง (Wholesale) และการค้าปลีก (Retail) ตัวอย่างเช่นธุรกิจ E-Commerce, ร้านขายของชำ, ร้านขายวัสดุก่อสร้าง หรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ซึ่งหัวใจสำคัญของกลุ่มนี้คือการบริหารจัดการสต็อกและการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ


ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิต (Production)

SME กลุ่มนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบอุตสาหกรรม ครอบคลุมกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบให้กลายเป็นสินค้าสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การแปรรูปสินค้าเกษตร หรือโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ฯลฯ ซึ่งเกณฑ์การวัดขนาดของธุรกิจกลุ่มนี้จะพิจารณาจากการจ้างงานและมูลค่าของสินทรัพย์ถาวรเป็นหลัก


ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการ (Service)

ธุรกิจบริการเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล ครอบคลุมกิจการที่เน้นการขายทักษะ แรงงาน หรือความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น ร้านอาหาร ธุรกิจสปา ร้านเสริมสวย อู่ซ่อมรถ ร้านตัดผม ฯลฯรวมถึงธุรกิจที่เป็น Agency ซึ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ


ธุรกิจ SME สร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยอย่างไร

SME คือ รากฐานสำคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทย ซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การสร้างผลกำไรในระดับองค์กรเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการสร้างความสมดุลให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ โดยมีบทบาทสำคัญ 3 ด้าน ดังนี้


  • เป็นกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เพราะธุรกิจ SME กระจายตัวอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จึงช่วยสร้างงานและอาชีพให้กับคนในพื้นที่ ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชน และช่วยลดปัญหาการย้ายถิ่นฐานเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ 
  • ขยายฐานการผลิตให้ธุรกิจใหญ่ (Supply Chain) โดย SME หลายแห่งทำหน้าที่ผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนต่างๆ ป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ช่วยให้เราสามารถพึ่งพาการผลิตภายในประเทศได้มากขึ้น และลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ 
  • เป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม ด้วยขนาดธุรกิจที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้ SME คือธุรกิจมีความคล่องตัวสูง กล้าที่จะลองผิดลองถูกและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้เองที่เป็นตัวช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทย และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ดียิ่งขึ้น

5 สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มธุรกิจ SME มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง ? 

สำหรับธุรกิจ SME การมีไอเดียที่ดีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการอยู่รอดในปัจจุบัน ดังนั้นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) จำเป็นต้องวางรากฐานให้มั่นคงด้วยการเตรียมความพร้อมใน 5 ด้านสำคัญ ดังนี้


1. การเตรียมความรู้และความพร้อมให้ธุรกิจ 

ก่อนลงทุนด้วยเม็ดเงิน สิ่งแรกที่ต้องลงทุนคือ "องค์ความรู้" ผู้ประกอบการต้องเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ เทรนด์ตลาด และกลยุทธ์การบริหารจัดการ เพื่อลดความเสี่ยงในการลองผิดลองถูก

 

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเติมเต็มองค์ความรู้และมองหาทางลัดในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด งาน SME How To Scale Expo 2025 คืองาน Workshop สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด งานนี้รวบรวมกูรูชั้นนำและเครื่องมือทางธุรกิจที่จะช่วยเตรียมความพร้อมให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น

SME How To Scale Expo 2025


2. การวางแผนการเงินและบัญชี 

ธุรกิจ SME หลายเจ้าต้องปิดตัวลงไว เพราะบริหาร Cash Flow ไม่เป็น คำนี้ไม่เกินจริง เพราะหัวใจสำคัญที่จะชี้ชะตาธุรกิจ SME คือ "กระแสเงินสด" ดังนั้นสำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ทุกท่านจำเป็นจะต้องมีการทำบัญชีที่ถูกต้องและแม่นยำ (เรื่องที่ละเลยไม่ได้) เพื่อให้ทราบสถานะกำไร-ขาดทุนที่แท้จริงของธุรกิจและวางแผนภาษีได้อย่างถูกต้อง

 

เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว การเลือกใช้ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount จึงเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อ SME โดยเฉพาะ เช่น การเปิดบิล การออกใบเสนอราคา ใบกำกับภาษี พร้อมทั้งดูรายงานยอดขายได้แบบเรียลไทม์ และระบบจัดการภาษีที่เข้าใจง่าย ช่วยให้คุณบริหารเงินได้อย่างมืออาชีพแม้ไม่มีพื้นฐานบัญชีมาก่อน 


ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ฟรีทุกฟังก์ชัน 30 วัน คลิกเลย


3. การบริการหลังการขาย 

ในยุคที่สินค้ามีความใกล้เคียงกัน "การบริการ" คือจุดตัดที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกคุณ การวางระบบดูแลลูกค้าที่รวดเร็วและจริงใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันหรือการให้คำปรึกษา จะช่วยเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำ และสร้างรากฐานของแบรนด์ให้แข็งแกร่งในระยะยาว


4. เรียนรู้ความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา 

หลีกเลี่ยงการผลิตสินค้าตามใจตัวเอง แต่ให้โฟกัสที่การแก้ปัญหาให้ลูกค้า การทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย (Customer Insight) จะช่วยให้คุณพัฒนาสินค้าที่ "ใช่" และเป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด


5. การมี Business Partners ที่แข็งแกร่ง

การทำธุรกิจ SME ให้เติบโตไว ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว การมีพาร์ทเนอร์ที่ดี เช่น ผู้ให้บริการขนส่งที่ไว้ใจได้ Supplier คุณภาพ หรือที่ปรึกษาด้านการตลาด จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและช่วยให้ธุรกิจของคุณเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น


ข้อดีของธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง ? อะไรคือความได้เปรียบของธุรกิจ SME 

แม้ว่า SME จะมีทรัพยากรที่จำกัดกว่าองค์กรขนาดใหญ่ แต่กลับมี "จุดแข็งเฉพาะตัว" ที่เป็นแต้มต่อสำคัญในสนามธุรกิจ โดยเฉพาะความสามารถในการปรับตัวและความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งข้อดีที่โดดเด่นของธุรกิจ SME มีดังนี้

 

  • มีความคล่องตัวสูง: ด้วยโครงสร้างองค์กรที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันทีเมื่อเกิดวิกฤตหรือเทรนด์เปลี่ยน โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติหลายระดับเหมือนองค์กรใหญ่
  • เข้าถึงและเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้ง: การมีระยะห่างระหว่างเจ้าของธุรกิจกับลูกค้าน้อยมาก ทำให้ SME สามารถรับฟัง Feedback และดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง สร้างความประทับใจและความสัมพันธ์ระยะยาวได้ดีกว่า
  • เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มได้ดี: SME สามารถผลิตสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทางที่ตลาดขนาดใหญ่มองข้ามไปได้ ทำให้มีคู่แข่งน้อยรายและสร้างฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นได้ง่าย
  • ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ: ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูงและมีค่าใช้จ่ายคงที่น้อยกว่า ทำให้มีความเสี่ยงทางการเงินต่ำกว่าและสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้ยืดหยุ่นกว่าในช่วงเริ่มต้น

เมื่อเข้าใจแล้วว่า SME คืออะไร ก็ถึงเวลา Scale ธุรกิจสู่เวอร์ชันที่ดีกว่าที่งาน SME How To Scale Expo 2025

เมื่อพื้นฐานธุรกิจแน่นแล้ว โจทย์สำคัญข้อต่อไปของผู้ประกอบการคือการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ SME อย่างยั่งยืน

 

FlowAccount ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมค้นหาคำตอบว่า "อะไรคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจ SME เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด?" ที่งาน SME How To Scale Expo 2025 งานสัมมนาความรู้และเวิร์กช็อปแห่งปี ภายใต้คอนเซปต์ Scale องค์กร ผ่านการ Upskill ตัวคุณ 

 

ด้วย Buffet Workshop กว่า 30 หัวข้อ ครั้งแรกที่คุณสามารถเลือกเรียนรู้ได้ตามความสนใจ ครอบคลุมทุกทักษะที่จำเป็น ทั้ง Accounting & Tax, Finance, Technology & AI, Marketing และ Leadership เรียนรู้จาก "ตัวจริง" ระดับประเทศ พร้อมกับ Speaker ชั้นนำที่พร้อมจะมาถ่ายทอดประสบการณ์จริงและ How-to ที่นำไปปรับใช้ได้ทันที 

 

  • คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (คุณหมู - Ookbee) เปิดมุมมอง Tech Startup ระดับยูนิคอร์น และการขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยี
  • คุณถนอม เกตุเอม (เจ้าของเพจ TAXBugnoms) เจาะลึกการวางแผนภาษีธุรกิจให้เป็นเรื่องง่ายและถูกต้อง
  • คุณธนพงศ์ วงศ์ชินศรี (คุณต่อ Torpenguin) เผยเคล็ดลับการบริหารและกลยุทธ์ธุรกิจร้านอาหารให้ยั่งยืน
  • คุณกฤตนัน วิโรจน์สายลี (อาจารย์เล็ก - Sales101) ถ่ายทอดเทคนิคการปิดการขายอย่างมืออาชีพและการบริหารทีมขาย
  • พร้อม Speaker มากประสบการณ์จาก Baker McKenzie, PwC, AIS, LINEMAN Wongnai และอีกหลายองค์กรระดับประเทศ 

 

แล้วพบกันวันที่ 19-20 ธันวาคม 2568 ที่ Sasin School of Management สามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้เลยตอนนี้ ในราคาบัตรใบละ 2,990 บาท สำหรับลูกค้าทั่วไป และราคา 1,990 สำหรับผู้ที่เป็นลูกค้า FlowAccount (บัตร 1 ใบสามารถเข้างานได้ทั้ง 2 วัน) ถึงเวลาเปลี่ยนธุรกิจ SME ของคุณให้พร้อมเติบโตในปี 2026 กันได้เลย 

ดู Speaker Agenda และซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่ https://flowaccount.com/event/sme-how-to-scale-expo

About Author

รับวันใช้งานฟรี 30 วัน
เมื่อสมัครทดลองใช้ FlowAccount วันนี้
สมัครเลย

บทความที่คุณน่าจะสนใจ