
| ปัจจุบันคุณแม่หลาย ๆ คนอาจกำลังกังวลเรื่อง “สิทธิการลาคลอด” ว่าตัวเองมีสิทธิลาได้กี่วัน ได้รับเงินจากไหนบ้าง หรือบริษัทต้องจ่ายเท่าไรบ้าง ข่าวดีก็คือ ตอนนี้ประเทศไทยมีกฎหมายลาคลอดใหม่ ที่เพิ่มสิทธิให้คุณแม่ลาคลอดได้รวมทั้งหมด 120 วัน ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่มีเวลาพักฟื้นร่างกายและดูแลลูกน้อยช่วงแรกเกิดได้ดีขึ้นกว่าเดิม บทความนี้สรุปทุกสิทธิแบบเข้าใจง่าย อ่านจบแล้วรู้เลยว่าคุณแม่มีสิทธิอะไรบ้าง ใช้อย่างไร และนายจ้างต้องทำอย่างไรบ้าง |
โดย พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2568 ได้แก้ไขข้อความที่เกี่ยวกับสิทธิการลาคลอด โดยกำหนดกรอบวันลาใหม่สำหรับลูกจ้างหญิง และเพิ่มสิทธิรองรับการดูแลบุตรกรณีเจ็บป่วย/พิการ รวมถึงให้สิทธิแก่คู่สมรสในการลาเพื่อช่วยเหลือภรรยาหรือร่วมดูแลบุตร ซึ่งทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับการคุ้มครองแรงงานและสิทธิครอบครัว โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ธันวาคม 2568
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleกฎหมายลาคลอดใหม่ มีสิทธิอะไรบ้าง?

1. คุณแม่ลาคลอดได้สูงสุด 120 วัน
ลูกจ้างหญิงสามารถลาคลอดได้ 120 วัน จากสิทธิเดิม 98 วัน โดยจำนวน 120 วัน (นับรวมวันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) คือ “จำนวนวันลาทั้งหมดรวมกัน” ไม่ว่าจะลา ก่อนคลอด หรือ หลังคลอด โดยนายจ้างจ่ายค่าจ้าง สูงสุด 60 วัน แม้ว่าคุณแม่จะมีสิทธิลาได้ 120 วัน แต่กฎหมายกำหนดไว้ว่า นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างระหว่างลาได้ไม่เกิน 60 วัน ส่วนวันที่เหลือเป็นการ “ลาที่ไม่ได้รับค่าจ้าง” (แต่ผู้ประกันตนประกันสังคมอาจได้รับเงินสงเคราะห์การคลอดบุตรตามสิทธิของประกันสังคม)
สามารถแบ่งวันลาได้ตามคำแนะนำของแพทย์ หรือความจำเป็นของแต่ละคน ดังนี้
- ลาก่อนคลอด 14 วัน
- ลาหลังคลอด 106 วัน
รวมเป็น 120 วัน
2 . คุณพ่อสามารถใช้สิทธิลาได้ 15 วัน
คุณพ่อหรือคู่สมรสสามารถลาเพื่อช่วยเหลือดูแลแม่และทารกได้ 15 วัน โดยต้องใช้สิทธิภายใน 90 วันหลังคลอด (ไม่นับรวมวันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) โดยได้รับค่าจ้าง 100% แต่ในบางบริษัท นายจ้างอาจมีสวัสดิการเพิ่มเติมให้มากกว่ากฎหมายกำหนด
3. สิทธิลาเพิ่มกรณีลูกป่วย/เสี่ยงโรค/มีภาวะพิการ
หากลูกเกิดมามี ภาวะเจ็บป่วย เสี่ยงโรคแทรกซ้อน หรือมีความพิการ ตามใบรับรองแพทย์ คุณแม่สามารถลาเพิ่มได้อีก ไม่เกิน 15 วัน (นับรวมวันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และจะได้รับค่าจ้าง 50% ของค่าจ้างปกติ
สิทธิใหม่เพิ่มเติมที่ควรรู้ (สิทธิขยายความคุ้มครอง)
สิทธิเหล่านี้ไม่ใช่ “รายการใหญ่” แต่เป็นจุดปรับปรุงที่กฎหมายเพิ่มความชัดเจนขึ้นมา ดังนี้
1. นายจ้างห้ามเลิกจ้างเพราะลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์
กฎหมายคุ้มครองชัดเจนว่า นายจ้างห้ามเลิกจ้างเพราะเหตุผลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ หรือการใช้สิทธิลาคลอด หากเกิดข้อพิพาทสามารถร้องเรียนสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้
2. สามารถใช้สิทธิลาคลอด 120 วัน ในการตั้งครรภ์ทุกครั้ง
สิทธิลาคลอด 120 วันจะ รีเซ็ตใหม่ทุกครั้งที่ตั้งครรภ์ ไม่ใช่สิทธิสะสมต่อปี
นายจ้าง/HR ต้องปฏิบัติอย่างไรตามกฏหมายลาคลอดใหม่?
- ปรับนโยบายการลาในคู่มือพนักงาน (Employee Handbook) ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่
- ออกแบบแบบฟอร์มคำขอลา และช่องทางการส่งเอกสาร (อิเล็กทรอนิกส์/เอกสารกระดาษ)
- คำนวณผลกระทบทางการเงิน (provision ค่าใช้จ่ายการจ่ายค่าจ้างช่วงลา) และวางแผนงบประมาณล่วงหน้า
- แจ้งให้ผู้บริหารและหัวหน้างานรับทราบถึงสิทธิและกระบวนการ เพื่อจัดตารางงานและสำรองทรัพยากร
- ฝึกอบรม HR ในการจัดการคำถามด้านกฎหมาย แนะนำสิทธิประโยชน์ และการคำนวณค่าจ้างตามกฎหมาย
ข้อควรระวัง (สำหรับนายจ้าง): ห้ามเลิกจ้าง ลิดรอนสิทธิ ฯลฯ เนื่องจากการตั้งครรภ์หรือการใช้สิทธิลาตามกฎหมาย (หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย)
วิธีคำนวณวันลาและการจ่ายค่าจ้างลาคลอดใหม่
ตัวอย่าง
พนักงานมีเงินเดือน 30,000 บาท/เดือน (อัตราเต็มเวลา)
- สิทธิวันลา = 120 วัน — นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ ไม่เกิน 60 วัน ตามกฎหมาย (ในตัวอย่างนี้ เราจะถือว่านายจ้างจ่ายเต็ม 60 วัน) — ดังนั้นนายจ้างจ่าย = (30,000 / 30) × 60 = 60,000 บาท (ถ้าคำนวณแบบแบ่งเป็นรายวัน) แต่ในทางปฏิบัติการจ่ายค่าจ้างอาจคำนวณจากอัตราจ่ายจริงของบริษัท (เช่น อัตรค่าจ้างต่อวัน/เดือน) และต้องปฏิบัติตามข้อบังคับกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง.
- วันที่เหลือของ 120 วัน (60 วัน) — พนักงานอาจไม่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง แต่มีสิทธิพิจารณาใช้สิทธิจากประกันสังคมหรือสวัสดิการอื่น ๆ ขึ้นกับกฎกองทุน/นโยบายบริษัทและเงื่อนไขประกันสังคม (ต้องตรวจสอบกองทุนประกันสังคมสำหรับการจ่ายเงินทดแทนในช่วงลาคลอด)
- ลาต่อเนื่องกรณีลูกป่วย 15 วัน — หากใช้สิทธินี้ นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างปกติสำหรับวันดังกล่าว (ตัวอย่าง: ถ้าจ่ายแบบรายวัน = (30,000/30) × 50% × จำนวนวัน)
หมายเหตุ: วิธีคำนวณค่าจ้างจริงอาจขึ้นกับนิยาม “ค่าจ้าง” ตามกฎหมาย (รวม/ไม่รวม ค่าคอมมิชชั่น เบี้ยเลี้ยง ฯลฯ) ควรปรึกษาฝ่ายบัญชี/กฎหมายแรงงาน หรือคู่มือประกันสังคมเพื่อการคำนวณที่แน่นอน
กฎหมายลาคลอดใหม่ปี 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยกระดับสิทธิแรงงานไทย ด้วยการเพิ่มวันลาคลอดเป็น 120 วัน กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างสูงสุด 60 วัน รวมถึงสิทธิลาพิเศษเมื่อลูกมีภาวะเจ็บป่วย/พิการ และสิทธิของคุณพ่อที่สามารถลาช่วยดูแลได้ 15 วัน ซึ่งช่วยให้ครอบครัวมีเวลาพักฟื้น และสามารถดูแลคุณแม่กับลูกแรกเกิดได้อย่างเต็มที่ ในส่วนของนายจ้างเองก็ต้องปรับนโยบาย ระบบเอกสาร และขั้นตอนการทำงานให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ โดยเฉพาะงานด้านสลิปเงินเดือน การคำนวณวันลาให้ถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ สามารถใช้โปรแกรม Payroll ของ FlowAccount ช่วยจัดการงานเหล่านี้ให้เป็นระบบมากขึ้นได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับกฎหมายใหม่ลาคลอด
1. กฎหมายลาคลอดใหม่ 2568 เริ่มใช้เมื่อไหร่?
ตอบ: กฎหมายลาคลอดใหม่ เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป โดยครอบคลุมสิทธิ ดังนี้ ลูกจ้างหญิงสามารถลาคลอดได้ 120 วัน, หากบุตรมีภาวะเสี่ยงต่อโรคหรือมีความพิการลาได้อีก 15 วัน และสามีสามารถลาดูแลภรรยาและลูกได้ 15 วัน
2. สามารถใช้สิทธิลาคลอด เมื่อตั้งครรภ์กี่เดือน?
ตอบ: สามารถลาได้เมื่อ
- แพทย์ออกใบรับรองว่าใกล้คลอด
- หรือเริ่มลาตามความจำเป็น เช่น อาการแพ้ท้องหนัก / ต้องพักรักษา
หมายเหตุ: ไม่มีข้อบังคับว่าต้องเริ่มลาตอนตั้งครรภ์กี่สัปดาห์
2. ใช้วันลาป่วย แทนวันลาคลอดได้ไหม?
ตอบ: สามารถใช้ได้ หากแพทย์ระบุภาวะแทรกซ้อน แต่ไม่นับรวมใน 120 วันของลาคลอด
3. ต้องแจ้งลาคลอดล่วงหน้ากี่วัน?
ตอบ: ควรแจ้งทันทีเมื่อทราบกำหนดคลอด เพื่อให้นายจ้างเตรียมงาน
4. พนักงานทดลองงานมีสิทธิลาคลอดได้ไหม?
ตอบ: มีสิทธิตามกฎหมายเท่าเทียมกับพนักงานประจำ โดยลูกจ้างหญิงสามารถใช้สิทธิลาคลอดได้ตั้งแต่วันเริ่มงาน
5. สามารถลามากกว่า 120 วันได้หรือไม่?
ตอบ: สามารถลาได้ แต่ส่วนที่เกินจะเป็นการลาหยุดตามเงื่อนไขที่นายจ้างอนุญาต
6. ระหว่างลาคลอด นายจ้างลดเงินเดือนได้ไหม?
ตอบ: ไม่สามารถลดเงินเดือน เพราะการลาตั้งครรภ์ หรือคลอดบุตรได้
7. คุณพ่อสามารถลาดูแลลูกได้มากกว่า 15 วันหรือไม่?
ตอบ: คุณพ่อไม่สามารถลาเกิน 15 วัน ตามสิทธิตามกฎหมายลาคลอดใหม่นี้ หากเกินกว่านั้น จะขึ้นอยู่กับนโยบายของนายจ้าง (เช่น บางบริษัทอาจให้ลาเพิ่มได้ แต่ไม่ใช่สิทธิตาม พ.ร.บ. แรงงาน)
8. ต้องยื่นเอกสารลาคลอดอะไรบ้าง?
ตอบ: เอกสารที่ใช้ประกอบการลาคลอด ได้แก่
- ใบรับรองแพทย์ เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์หรือกำหนดคลอด
- ใบแจ้งคลอด (ถ้าขอใช้สิทธิหลังคลอดทันที)
- แบบฟอร์มคำขอลาตามบริษัท
About Author

Senior Marketer – Inbound / CRO ที่มีพื้นฐานประสบการณ์จากสายสื่อสารมวลชน ยังคงรักในการสัมภาษณ์และอัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ หากมีอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับ FlowAccount จะรีบนำมาเล่าให้ทุกคนได้รู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ