
| ถ้าพูดถึงการทำบัญชีสำหรับร้านค้าขนาดเล็ก เจ้าของร้านหลายคนอาจจะรู้สึกว่ายุ่งยากและน่าปวดหัวใช่ไหม? ความจริงแล้ว การทำบัญชีสำหรับร้านค้าที่เป็นบุคคลธรรมดานั้นง่ายกว่าธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว แต่ติดปัญหาตรงที่ว่า เจ้าของร้านค้าหลายคนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี บทความนี้จึงรวมวิธีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้าแบบง่ายๆ มือใหม่ก็ทำได้มาให้ |
เพราะการทำบัญชีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ร้านค้าออนไลน์ หรือร้านที่มีหน้าร้านจริง จะช่วยให้เจ้าของกิจการบริหารจัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยวางแผนธุรกิจในอนาคตได้ดีขึ้นอีกด้วย
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleบัญชีรายรับ-รายจ่าย คืออะไร?
บัญชีรายรับ-รายจ่าย คือ การจดบันทึกเพื่อติดตามข้อมูลการเข้า-ออกของเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ได้มา (รายรับ) หรือเงินที่ใช้ไป (รายจ่าย) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางการเงิน และเป็นหลักฐานในการยื่นภาษีเงินได้
- รายรับ คือ เงินที่ได้รับทั้งหมดจากการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ทางตรงจากการขายสินค้าหรือบริการ หรือรายได้ทางอ้อม จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร
- รายจ่าย คือ เงินที่ใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนขาย หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าเช่า ค่าโฆษณา
- ต้นทุน คือ ค่าใช้จ่ายทางตรงเพื่อทำให้สินค้าพร้อมขาย หรือพร้อมส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้า
ในการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะต้องแยก “ต้นทุน” ออกจาก “รายจ่าย” เพื่อคำนวณกำไรขั้นต้น และเพื่อแยกชัดเจนว่ามีต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายทางตรงใดบ้างที่ทำให้ธุรกิจเกิดรายได้
ประโยชน์ของการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า
การทำบัญชีรายรับจ่ายมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ ดังนี้
- ช่วยควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายส่วนเกิน: การแยกรายรับและรายจ่ายออกจากกัน จะช่วยให้เห็นกำไร-ขาดทุนของร้านค้าได้อย่างชัดเจน ช่วยให้เจ้าของร้านค้าสามารถวางแผนเพื่อลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มกำไรได้
- บริหารจัดการภาษี: ทำให้เห็นว่าร้านค้ามีค่าใช้จ่ายอะไร เท่าไหร่บ้าง และเมื่อถึงเวลายื่นภาษีประจำปี ร้านค้าที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจสูง อาจเลือกวิธีการหักค่าใช้จ่ายตามจริงแทนการหักเหมาจ่าย เพื่อประหยัดภาษีได้
- วางแผนธุรกิจ: ช่วยให้เจ้าของร้านค้ารู้ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจที่เป็นปัจจุบัน และช่วยในการตัดสินใจทางการเงิน เพื่อวางแผนและต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้
5 วิธีทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า
เจ้าของร้านค้าสามารถเริ่มต้นทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายได้ด้วยตนเองง่ายๆ ตาม 5 วิธี ต่อไปนี้
1.แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีร้านค้า
ควรแยกบัญชีธนาคารระหว่างบัญชีส่วนตัวและบัญชีร้านค้าออกจากกัน เพื่อให้เห็นรายรับ-รายจ่ายที่แท้จริงของกิจการ ลดความสับสน และช่วยให้เจ้าของร้านค้าจัดการภาษีได้ง่ายขึ้น
2. บันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ
ควรบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ หรือทุกครั้งที่มีรายรับหรือรายจ่าย เพื่อลดข้อผิดพลาดและทำให้บัญชีรายรับ-รายจ่ายน่าเชื่อถือและแม่นยำ
3. จัดเก็บเอกสารประกอบการทำรายรับ-รายจ่าย
ควรมีการจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายรับหรือรายจ่ายนั้นไว้เสมอ เช่น ใบวางบิล ใบเสร็จรับเงิน เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีรายรับหรือรายจ่ายเกิดขึ้นจริง และมีประโยชน์ต่อการยื่นภาษีประจำปีอีกด้วย
4. เลือกเครื่องมือหรือโปรแกรมทางบัญชีที่เหมาะสม
ร้านค้าที่มีรายการรายรับ-รายจ่ายจำนวนมาก การจดบันทึกด้วยมือลงสมุดบัญชี หรือการจดลงใน โปรแกรม Excel หรือ Google Sheets อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้น การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายผ่านโปรแกรมบัญชีออนไลน์ อย่าง FlowAccount จะช่วยให้เจ้าของร้านค้าบันทึกและคำนวณรายรับ-รายจ่ายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
โปรแกรม FlowAccount มีฟังก์ชันที่ช่วยบันทึกบัญชี จัดทำและจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเสนอราคา, ใบแจ้งหนี้, และใบกำกับภาษี อีกทั้งยังสามารถจัดทำรายงานสรุปรายรับ-รายจ่ายได้อีกด้วย ทำให้การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

5. วิเคราะห์ข้อมูล
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมทางการเงินของกิจการได้ชัดเจนมากขึ้น รู้ว่าร้านค้ามีรายรับและรายจ่ายไปกับอะไร เท่าไหร่บ้าง โดยเจ้าของร้านค้าสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการวางแผนลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย รวมถึงวางแผนขยายกิจการในอนาคตได้อีกด้วย
ตัวอย่าง แบบฟอร์มบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า ที่ถูกต้องตามประกาศของกรมสรรพากร

ดาวน์โหลดฟอร์มบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า ฟรี! แบบที่ถูกต้องตามประกาศของกรมสรรพากร
- ช่อง “วัน/เดือน/ปี” ใช้บันทึกวันที่ เดือน และปีพ.ศ. ที่มีรายการรับเงิน และจ่ายเงิน
- ช่อง “รายการ” ใช้บันทึกรายละเอียดของรายการรับเงิน และจ่ายเงิน เช่น ขายสินค้า ค่าซื้อสินค้า ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เงินเดือน เป็นต้น
- ช่อง “รายรับ” ใช้บันทึก “จำนวนเงิน” ที่ได้รับเข้ามาตามรายละเอียด ในช่องรายการ
- ช่อง “รายจ่าย” เป็นการซื้อสินค้า ใช้บันทึก “จำนวนเงิน” ที่จ่าย ในการซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
- ช่อง “รายจ่าย” เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ใช้บันทึก “จำนวนเงิน” เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
- กรณีขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ หรือซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ ให้บันทึกในวันที่ ได้รับชำระหรือวันที่จ่ายค่าสินค้า นั้น โดยอธิบายเพิ่มเติมในช่องหมายเหตุ
รายละเอียดในการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า ตามประกาศของกรมสรรพากร
1. ต้องจัดทำรายงานเงินสดรับ-จ่าย เป็นภาษาไทย หากจัดทำเป็นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกำกับด้วย
2. ลงรายการในรายงานเงินสดรับ-จ่ายภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่มีรายได้หรือรายจ่าย
3. รายการที่นำมาลงในรายงานเงินสดรับ-จ่าย ต้องมีรายละเอียด ดังนี้
- มีเอกสารประกอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ฯลฯ
- เป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ
- ลงรายการรายรับ-รายจ่ายให้ลงเป็นยอดรวมของแต่ละวันทำการ หรือ ลงรายละเอียดรายการรายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้น โดยมีเอกสารประกอบ
- ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายนั้น นำมาลงเป็นต้นทุนของสินค้า หรือค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- หากขายสินค้า/ให้บริการ ซื้อสินค้าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เป็นเงินเชื่อ ให้บันทึกรายการในวันที่ได้รับชำระหรือวันที่จ่ายชำระค่าสินค้า/บริการนั้น โดยอธิบายเพิ่มเติมในช่องหมายเหตุ
4. สรุปยอดรายรับและรายจ่ายเป็นรายเดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ธุรกิจไหนที่ควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า
ธุรกิจทุกประเภทควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้ทราบสถานะทางการเงิน กำไร-ขาดทุน ควบคุมต้นทุน และวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
- ธุรกิจส่วนตัว (บุคคลธรรมดา): ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ การบันทึกรายรับ-รายจ่ายช่วยให้เจ้าของธุรกิจตรวจสอบรายได้และค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจน สามารถดูได้ว่าในแต่ละเดือนมีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่
- ร้านค้าปลีก: ธุรกิจแบบซื้อมาขายไป จำเป็นต้องคำนวณกำไรขาดทุนจากการซื้อสินค้ามาสต็อกและจำหน่าย การทำบัญชีจะช่วยควบคุมต้นทุนสินค้า และทราบกำไรที่แท้จริงจากการทำธุรกิจ
- ร้านอาหาร: เป็นธุรกิจที่มีต้นทุนวัตถุดิบที่เน่าเสียง่าย การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายช่วยให้วางแผนควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และป้องกันการขาดทุนจากวัตถุดิบที่เสื่อมเสีย
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิดอีกต่อไป เพราะเจ้าของร้านค้าสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ เพียงแค่เริ่มจากการแยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว แล้วบันทึกทุกยอดที่เข้า-ออกอย่างสม่ำเสมอ และเก็บหลักฐานการเงินให้ครบถ้วน การทำบัญชีจะช่วยให้คุณทราบสถานะทางการเงินของร้านได้อย่างชัดเจน และใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนธุรกิจต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount ก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การทำบัญชีง่ายและเป็นระบบมากขึ้น
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ มีหน้าร้านหรือขายออนไลน์ การทำบัญชีคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เลย เพราะนอกจากช่วยให้คุณทราบถึงกำไรขาดทุนและสถานะทางการเงินของร้านค้าแล้ว ยังช่วยให้คุณบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายร้านค้า
1. ต้นทุน และ ค่าใช้จ่าย แตกต่างกันอย่างไร?
ตอบ: ค่าใช้จ่าย หมายถึง รายจ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพื่อดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงต้นทุนด้วย ในขณะที่ ต้นทุน หมายถึง ค่าใช้จ่ายทางตรงเพื่อทำให้สินค้าพร้อมขาย หรือพร้อมส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้า เท่านั้น
2. ทำไมเจ้าของร้านค้าต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย?
ตอบ: การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายนั้นสำคัญมากๆ ค่ะ เพราะเมื่อเราแยกรายรับและรายจ่ายออกจากกันแล้ว จะช่วยให้เห็นกำไร/ขาดทุนของร้านค้าได้ และเข้าใจว่าทำไมร้านเรามีกำไรเยอะหรือน้อยได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3. ขายของออนไลน์ ต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายด้วยไหม?
ตอบ: ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการขายของออนไลน์ มีรายได้และค่าใช้จ่ายที่ต้องจัดการเหมือนร้านค้าทั่วไป การทำบัญชีจะช่วยให้เจ้าของร้านค้าทราบถึงสถานะทางการเงิน กำไรขาดทุน และวางแผนจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เริ่มต้นทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างไรดี?
ตอบ: เจ้าของร้านค้า สามารถเริ่มต้นทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายได้ด้วยตนเองง่าย ๆ โดยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายในรายงานเงินสดรับจ่าย หรือจัดทำไฟล์บันทึกรายการผ่านโปรแกรม Excel หรือ Google Sheets แต่อย่างไรก็ตาม หากร้านค้าของคุณมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น การจดบันทึกด้วยตนเอง อาจสร้างความยุ่งยากและเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาด การมีโปรแกรมทางบัญชีที่ดี อย่าง FlowAccount ที่ช่วยให้คุณสามารถการมีโปรแกรมบัญชีที่ใช้ง่าย อย่าง FlowAccount จะช่วยให้คุณสามารถบันทึกรายรับ-รายจ่ายได้ทันที เมื่อมีรายการซื้อขายเกิดขึ้น ช่วยจัดทำและจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำใบเสนอราคา, ใบแจ้งหนี้, และบันทึกค่าใช้จ่าย รวมถึงจัดทำรายงานสรุปรายรับ-รายจ่าย ทำให้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าตอนนี้ร้านมีรายได้เท่าไหร่, ค่าใช้จ่ายรวมเป็นเท่าไหร่, และสรุปกำไร-ขาดทุนได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ เพียงเท่านี้ การทำบัญชีก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
About Author

A graduate student with degrees in Accounting and Financial Management, complemented by professional experience as an external auditor at a Big4 firm and as a Business Analyst in the financial sector.