ใบส่งสินค้า/ใบส่งของ (Delivery Note) คือเอกสารที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าว่า เราได้ทำการส่งสินค้าให้แล้วตามเงื่อนไขและปริมาณที่ได้ตกลงกันไว้ เหมาะสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไปที่เราจะต้องมีสินค้าและทำการส่งสินค้านั้นให้กับลูกค้า เช่น ธุรกิจซื้อขายออนไลน์ ธุรกิจขายส่ง ร้านโชว์ห่วย สินค้าฝากขาย ดร็อปชิป (dropship) หรือ รับพรีออร์เดอร์ (pre-order) เป็นต้น |
ใบส่งสินค้า หรือใบส่งของ (Delivery Note) คือเอกสารที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าว่า เราได้ทำการส่งสินค้าให้แล้วตามเงื่อนไขและปริมาณที่ได้ตกลงกันไว้
เหมาะสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไปที่เราจะต้องมีสินค้าและทำการส่งสินค้านั้นให้กับลูกค้า เช่น ธุรกิจซื้อขายออนไลน์ ธุรกิจขายส่ง ร้านโชว์ห่วย สินค้าฝากขาย ดร็อปชิป (dropship) หรือรับพรีออร์เดอร์ (pre-order) เป็นต้น
เลือกอ่านได้เลย!
ทำไมต้องออกใบส่งสินค้า/ใบส่งของ
- เพื่อให้ลูกค้าทราบว่าจะได้รับสินค้ารายละเอียดเป็นอย่างไร มีปริมาณและมูลค่าเท่าไหร่ และให้ลูกค้าลงลายมือชื่อเพื่อรับสินค้าว่าได้รับครบถ้วนแล้วตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
- สามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญทางกฎหมายว่าบริษัทของเรามีการส่งสินค้าและบริการจริง
- เพื่อการควบคุมภายใน และตรวจสอบสินค้าคงเหลือในกิจการหรือธุรกิจของเราเอง
ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ใบส่งสินค้าในการออกเพื่อตกลงราคากัน เพราะโดยทั่วไปใบส่งสินค้า หรือใบส่งของ จะใช้เพื่อบอกรายละเอียด ปริมาณ และมูลค่า หรือบางกิจการอาจจะบอกรายละเอียดและปริมาณเพียงเท่านั้น เพื่อการควบคุมภายในด้านสินค้าคงเหลือในกิจการหรือธุรกิจของบริษัทเอง
ใบส่งสินค้าต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง
1. ส่วนหัวเอกสารที่ระบุว่าเป็นใบส่งสินค้า
- หากเป็นธุรกิจจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แล้ว จะถือว่าความรับผิดชอบทางภาษีเกิดขึ้นในขณะที่เรามีการส่งของให้กับลูกค้า สามารถทำเอกสารเป็นใบเดียวโดยใช้หัวเอกสารเป็น ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี หรือหากทำใบกำกับภาษีแยกต่างหาก ให้ทำใบส่งสินค้าแนบไปพร้อมใบกำกับภาษีด้วย
- หากเป็นธุรกิจที่ยังไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถใช้หัวเอกสารเป็น ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ หรือจะใช้แค่เป็น ใบส่งสินค้า/ใบส่งของ ก็ได้
2. ส่วนที่เป็นรายละเอียดสินค้า
- ชื่อบริษัทที่ทำการส่งของ
- ชื่อบริษัท หรือผู้ที่ทำการรับของ
- รายการสินค้าว่ามีอะไรบ้าง ปริมาณ และมูลค่าเท่าไหร่
- วันที่ทำการจัดส่ง
3. ส่วนของหลักฐานการรับสินค้า
ให้ลูกค้าลงลายเซ็นเพื่อยืนยันว่ามีการส่งและรับสินค้าครบถ้วนแล้ว ภายในวันที่และตามเงื่อนไขอื่นๆ ที่ได้ตกลงกัน จากนั้นให้นำสำเนากลับมาเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานของธุรกิจเรา
ตัวอย่างใบส่งสินค้า FlowAccount
การตั้งค่าหัวเอกสารใบส่งสินค้า สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน FlowAccount
โปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount สามารถตั้งค่าหัวเอกสารต่างๆ รวมถึงใบส่งสินค้า และเอกสารออกเป็นชุดได้ ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
1. ไปที่เมนู “การตั้งค่า” สัญลักษณ์รูปฟันเฟือง ตรงแถบสีฟ้าด้านซ้ายมือสุด
2. เลือก “เลขรันและหัวเอกสาร”
3. ไปที่หัวข้อ ใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน
- หากเป็นธุรกิจที่จด VAT แล้ว เลือกเมนู “ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี Delivery Note/Invoice/ Tax Invoice”
- กรณีที่เป็นธุรกิจยังไม่จด VAT ให้เลือกเมนู “ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ Delivery Note/Invoice”
ชมวิดีโอสาธิตการตั้งค่าหัวเอกสาร บน FlowAccount ได้ที่นี่
ออกใบส่งสินค้าด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ FlowAccount
เมื่อทำการส่งสินค้าให้กับลูกค้าแล้ว สามารถออกใบส่งสินค้าตามหัวเอกสารที่เราได้ตั้งไว้ มี 2 วิธีดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1: สร้างใบส่งสินค้าใหม่
1. ไปที่เมนู “เอกสารขาย” ตรงแถบสีฟ้าด้านซ้ายมือสุด
2. เลือกเมนู “ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี” แล้วคลิกที่ปุ่มสีเขียวคำว่า “สร้างใหม่” มุมบนขวามือ
3. เมื่อเข้ามาแล้วระบบจะให้กรอกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับลูกค้าของเรา ตรงชื่อและรายละเอียดสินค้า หากเป็นลูกค้าเดิมหรือลูกค้าที่เคยมีการสั่งซื้อสินค้าเป็นประจำสามารถดึงข้อมูลมาจากฐานข้อมูลเดิมที่อยู่ในระบบเพียงแค่พิมพ์ชื่อสินค้าลงไป
4. หลังกรอกข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม “บันทึกเอกสาร”
วิธีที่ 2: สร้างใบส่งสินค้าจากเอกสารเดิม
1. ไปที่เมนู “เอกสารขาย” ตรงแถบสีฟ้าด้านซ้ายมือสุด
2. เลือกเมนู “ใบวางบิล/ใบแจ้งหนี้” แล้วเลือกเอกสารที่เราออกใบวางบิลแล้ว และต้องการสร้างใบส่งสินค้า
3. กดปุ่ม drop down ข้างหัวข้อ “สถานะ” ของเอกสารที่เราต้องการ แล้ว เลือก “สร้างใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี”
4. ระบบจะทำการดึงข้อมูลมาให้โดยอัตโนมัติ หลังตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม “บันทึกเอกสาร” และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารได้เลย
About Author
นันทรัช ชมภูแสง Content Writer และ SEO Business Consultant มีประสบการณ์งานเขียนด้านธุรกิจ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน มากว่า 7 ปี