ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย อัพสกิล ให้เข้าใจแบบขั้นเทพ

ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย

คนทำธุรกิจน่าจะมีชีวิตวนเวียนกับการ “รับเงิน” และ “จ่ายเงิน” อยู่เป็นธรรมดา แต่เชื่อไหมคะว่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ของการรับและจ่ายเงินก็คือ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ที่เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร มีความสำคัญกับเราอย่างไร ต้องทำอย่างไรบ้าง ในบทความนี้จะมาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ

 

คนทำธุรกิจน่าจะมีชีวิตวนเวียนกับการ “รับเงิน” และ “จ่ายเงิน” อยู่เป็นธรรมดา แต่เชื่อไหมคะว่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ของการรับและจ่ายเงินเนี่ยก็คือ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ที่เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร มีความสำคัญกับเราอย่างไร และต้องทำอย่างไรบ้าง 

ถ้าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจขั้นเทพ รับและจ่ายเงินได้แบบถูกต้อง 100% แล้วล่ะก็ พลาดไม่ได้กับบทความนี้เลยค่ะ ที่เราจะพาทุกคนไม่ทำความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายตั้งแต่ต้นจนจบเลย



หักภาษี ณ ที่จ่ายไปทำไม

การหักภาษี ณ ที่จ่าย คือ การที่ “คนจ่ายเงิน” หักภาษีบางส่วนออกก่อนจ่ายเงินให้ “ผู้รับเงิน” และค่อยนำส่งภาษีที่หักไว้ส่วนนี้ให้กับสรรพากรค่ะ 

การหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้นมีวัตถุประสงค์หลักๆ 3 เรื่อง ได้แก่

เพื่อทยอยจ่ายภาษีล่วงหน้า

ยกตัวอย่าง เช่น นาย ก. มีรายได้และต้องจ่ายภาษีทั้งปี 100,000 บาท แต่ผู้จ่ายเงินหักไว้และส่งให้ก่อนทุกๆ ครั้งรวมแล้ว 30,000 บาท สุดท้ายปลายปี นาย ก. เหลือต้องจ่ายภาษีเพิ่มแค่ 100,000 – 30,000 = 70,000 บาท เท่านั้น

แบบนี้แปลว่า นาย ก. ได้ถูกหัก ณ ที่จ่ายและทยอยจ่ายภาษีไปล่วงหน้าแล้ว ฉะนั้น ปลายปีก็ไม่ต้องจ่ายชำระภาษีเป็นเงินก้อนตูมเดียวค่ะ

การันตีการส่งภาษีให้กับภาครัฐ

มองในแง่ภาครัฐ พวกเค้าก็ต้องหารายได้จากการเก็บภาษีเช่นกันค่ะ และเมื่อมีการหัก ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่จ่ายเงินก็แปลว่า ภาครัฐทยอยได้รับภาษีจ่ายชำระจากบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีรายได้ไว้แล้วเช่นกัน

ใช้ตรวจสอบผู้เสียภาษีว่าส่งรายได้ครบถ้วนหรือไม่

การที่ผู้จ่ายเงิน หัก ณ ที่จ่ายไว้ และนำส่งภาษีแก่สรรพากรนั้น ทำให้ในระบบมีข้อมูลรายได้และภาษีบางส่วนของผู้รับเงินค่ะ ฉะนั้น ถ้าปลายปีผู้มีเงินได้ไม่ยอมส่งแบบยื่นภาษีล่ะก็สรรพากรรู้ทัน ตามไปทวงให้ยื่นภาษีประจำปีแน่นอนจ้า

ใครมีหน้าที่ “ต้องหัก” ภาษี ณ ที่จ่ายบ้าง

กฎหมายกำหนดให้ “คนจ่ายเงิน” มีหน้าที่ต้องหัก ณ ที่จ่ายทุกครั้ง เมื่อจ่ายเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดไว้ นอกจากหัก ณ ที่จ่ายไว้แล้ว อย่าลืมทำหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายให้ “ผู้รับเงิน” เพื่อเป็นหลักฐานด้วยนะคะ และสุดท้ายทุกสิ้นเดือน “คนจ่ายเงิน” ต้องรวบรวมรายการ หัก ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งแก่กรมสรรพากรด้วย FlowAccount ช่วยให้เจ้าของธุรกิจออกหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายง่ายๆ ด้วยตัวเอง และดาวน์โหลดรายงานเพื่อยื่นสรรพากร

ใครต้อง “ถูกหัก” ณ ที่จ่ายบ้าง

แน่นอนว่าผู้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายจะเป็น “คนรับเงิน” ซึ่งเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลค่ะ แต่ก็ใช่ว่าค่าใช้จ่ายทุกประเภทต้องมีหัก ณ ที่จ่ายเสมอไปนะ 

ค่าใช้จ่ายประเภทไหนที่ต้องหัก ณ ที่จ่ายบ้าง อัตราเท่าไร เราสรุปมาให้ในตารางนี้ค่ะ

ตารางด้านบนเป็นประเภทค่าใช้จ่ายที่เราเจอกันบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันค่ะ ถ้าสังเกตดูดีๆ การขายสินค้านั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องหัก ณ ที่จ่ายนะคะ ฉะนั้น คนที่จ่ายเงินซื้อสินค้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้เลยนอกจากนี้การหัก ณ ที่จ่ายจะต้องทำเมื่อมีจ่ายเงินตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ยกเว้น จะเป็นสัญญาระยะยาวที่ยอดต่อบิลไม่ถึง 1,000 แต่พอรวมแล้วทั้งปีเกิน 1,000 บาท ผู้จ่ายเงินก็ยังต้องหัก ณ ที่จ่ายอยู่นั่นเองค่ะ

แบบภาษีที่ต้องยื่นมีกี่ประเภท

เมื่อหัก ณ ที่จ่ายแล้ว ทุกๆ สิ้นเดือนต้องรวบรวมรายงานนำส่งแบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายแก่สรรพากร ภายใน 7 วันของเดือนถัดไปด้วย แบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้น เปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับประเภทเงินได้ และประเภทผู้รับเงินได้ค่ะ

ภาษีหัก ณ ที่จ่ายคำนวณอย่างไร

ทำความเข้าใจเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายแล้ว ถ้าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจขั้นเทพแล้วล่ะก็ เราต้องรู้วิธีการคำนวณด้วยค่ะ  หัก ณ ที่จ่ายคำนวณไม่ยาก ถ้าเรารู้ประเภทค่าใช้จ่าย และอัตราภาษีค่ะ ในที่นี้เราขอยกตัวอย่าง 2 กรณี ดังนี้

หัก ณ ที่จ่าย เงินเดือน 40(1)

การคำนวณหัก ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินเดือนจ่ายให้กับบุคคลธรรมดานั้น เราคิดตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นอัตราก้าวหน้า

ตัวอย่างเช่น

เงินเดือน เดือนละ 50,000 x 12          = 600,000 บาท/ปี

ค่าใช้จ่าย                                        = 100,000 บาท/ปี

ค่าลดหย่อน                                     = 60,000 บาท/ปี

เงินได้สุทธิ                                       = 440,000 บาท/ปี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อปี

1 – 150,000                                   ยกเว้น

150,001 – 300,000  =    5%            = 7,500

300,001 – 500,000  =   10%           = 140,000 x 10% = 14,000

ภาษีเงินได้ต่อปี                                = 21,500

นายจ้างต้องหัก ณ ที่จ่าย 21,500/12 = 1,791.67 บาทต่อเดือน แล้วนำส่งสรรพากรด้วยแบบ ภงด.1 ทุกเดือนค่ะ

หัก ณ ที่จ่าย ค่าบริการ 40(8)

การคำนวณหัก ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินค่าบริการที่จ่ายให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลนั้น อัตราหัก ณ ที่จ่ายอยู่ที่ 3% ค่ะ

การคำนวณหัก ณ ที่จ่าย ให้คิดจากราคาค่าบริการแบบไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ตามนี้

ค่าบริการ 100,000 บาท

ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%  = 7,000 บาท

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% = 100,000 x 3% = 3,000 บาท

ค่าบริการที่ต้องจ่ายสุทธิ = 100,000 + 7,000 – 3,000 = 104,000 บาท

เห็นไหมคะว่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้นเข้าใจง่าย แถมยังเป็นเรื่องใกล้ตัวด้วย ถ้าพยายามทำความเข้าใจไปทีละ Step เจ้าของธุรกิจมือใหม่ก็สามารถอัพสกิลตัวเองได้ไม่ยากเลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

วางแผนภาษีนิติบุคคลเริ่มต้นปีใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด

วางแผนภาษี

เริ่มต้นปีอย่างมั่นใจ เจ้าของธุรกิจทั้งหลายอย่าลืมใส่เรื่องการวางแผนภาษีอยู่ใน Check-List สิ่งที่ต้องทำก่อนเริ่มต้นปีใหม่นี้ไปด้วยนะคะ ถ้าหากอยากเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการวางแผนภาษีนิติบุคคลให้กิจการของตัวเองแบบง่ายๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง ในวันนี้ FlowAccount จะมาเล่าให้ทุกคนฟังเองค่ะ
อ่านเพิ่มเติม

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อคนทำธุรกิจส่วนตัว EP.2

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ทุกท่านที่มีรายได้ควรเข้าใจว่าเงินได้พึงประเมินแต่ละประเภทคำนวณหักค่าใช้จ่ายได้เท่าใด มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้อย่างไร เมื่อใดบ้าง และหากไม่ชำระในกำหนดเวลาหรือชำระไม่ถูกต้องจะมีความรับผิดอย่างไร ในบทความนี้จะมาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ
อ่านเพิ่มเติม

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อคนทำธุรกิจส่วนตัว EP.1

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ทุกท่านที่มีรายได้ในปีที่ผ่านมามีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาชำระภาษีภายในวันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 31 มีนาคม ปีถัดจากปีที่มีรายได้นั้น จำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีนั้นจะขึ้นกับรายได้ ที่หากยิ่งมีรายได้มากเท่าไรก็ต้องจ่ายมากขึ้น แต่หากรู้จักภาษีสักหน่อยจะช่วยวางแผนและสามารถบริหารจัดการตัวเองให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนภาษีย้อนหลังอีกด้วยค่ะ
อ่านเพิ่มเติม

ภาษีอีเพย์เมนต์ | มีบัญชีฝากและโอนเงินเกิน 3,000 ครั้ง/ปี

ภาษีอีเพย์เมนต์

อ่านสั้นๆ :

  • ยื่นภาษีออนไลน์ กฎหมายภาษีอีเพย์เมนต์ เริ่มบังคับใช้แล้ว มีผลให้สถาบันทางการเงินต้องรายงานข้อมูลบุคคลที่มีธุรกรรมเฉพาะให้แก่กรมสรรพากร
  • โดยบัญชีจะต้องมีเงื่อนไขคือ มียอดฝากหรือโอนเงินเข้าทุกบัญชี 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป หรือมียอดฝากหรือโอนเงินทุกบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และมียอดเงินรวมตั้งแต่ 2,000,000 บาทต่อปีขึ้นไป
  • แม่ค้าออนไลน์ หรือผู้ทำธุรกิจใดๆ ที่มีบัญชีตรงตามเงื่อนไขจึงควรหัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย และจดทะเบียนบริษัทให้ถูกต้อง
อ่านเพิ่มเติม

บัญชีและภาษีที่เจ้าของธุรกิจต้องเตรียมตัวช่วงขึ้นปีใหม่ 2566

บัญชีและภาษี

อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ปี 2566 อย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนจะเตรียมตัวพักผ่อน count down สิ้นปีนี้ มีสิ่งนึงที่ขาดไม่ได้สำหรับเจ้าของธุรกิจ ก็คือเรื่องบัญชีและภาษี เพราะว่าเราเองก็ต้องเตรียมตัวเรื่องการปิดบัญชีสำหรับธุรกิจเช่นกันค่ะ
อ่านเพิ่มเติม
1 6 7 8 9 10 11