บทความนี้สรุปขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ด้วยตนเองผ่านระบบ DBD Biz Regist โดยแบ่งเป็น 7 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การสมัครสมาชิก, การกรอกข้อมูลบริษัทและบุคคล, การสร้างเอกสาร, และการตรวจสอบข้อมูลก่อนยื่นคำขอ ซึ่งระบบใหม่นี้ช่วยให้การจดทะเบียนสะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม
การจดทะเบียนบริษัท อาจฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก แต่เมื่อกิจการของคุณเติบโตและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การจดทะเบียนบริษัทสามารถช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้ และในปัจจุบัน ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ได้มีการเปิดใช้ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัลแบบใหม่ ที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนบริษัทด้วยตนเองผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น วิธีการและขั้นตอนในการจดทะเบียนดิจิทัลมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
จดทะเบียนบริษัทออนไลน์ รูปแบบใหม่ ปี 2568 ทำง่ายกว่าเดิม | FlowAccount Knowledge
การจดทะเบียนบริษัทผ่านระบบระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัลรูปแบบใหม่ แบ่งเป็นทั้งหมด 7 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ใช้เวลาเตรียมตัวนานที่สุดในการยื่นคำขอจดทะเบียนคือ ขั้นตอนที่2 : ผู้แทนจดทะเบียนจัดทำและยื่นคำขอ เนื่องจากในขั้นตอนนี้ จะต้องมีการกรอกข้อมูลสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งในการจัดทำและยื่นคำขอนั้น จะต้องกรอกข้อมูลอะไรอย่างไรบ้าง เรามีตัวอย่างมาให้ดูกันแบบทีละ Step เลยค่ะ
สมัครสมาชิกเว็บไซต์ DBD Biz Regist
ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ https://edbr.dbd.go.th/ และสมัครสมาชิกก่อน
โดยสามารถเลือกสมัครสมาชิกผ่าน Digital ID หรือ Application ThaID ได้
จากนั้นเลือก “สมัครสมาชิกเป็นผู้แทนจดทะเบียน”
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleสร้างคำขอจดทะเบียนและกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
หลังจากสมัครสมาชิกและเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่เมนู “สร้างคำขอจดทะเบียน” และเลือก “จัดตั้งบริษัทจำกัด”
ระบบจะเด้งหน้า Popup ให้เลือกว่าเราต้องการจดหนังสือบริคณห์สนธิพร้อมจัดตั้งบริษัท หรือต้องการแค่จัดตั้งบริษัทเท่านั้น ในกรณีที่เคยจดบริคณห์สนธิเรียบร้อยแล้ว
กรณีนี้ ขอสมมติว่ายังไม่เคยจดหนังสือบริคณห์สนธิมาก่อน ให้เลือก “จดหนังสือบริคณห์สนธิพร้อมจัดตั้งบริษัท” ได้เลยค่ะ
จากนั้น ระบบจะเด้งหน้าต่างรายการข้อมูลที่จำเป็นต้องเตรียมก่อนจดจัดตั้งนิติบุคคล (กรอกข้อมูลที่จำเป็นเพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท) ที่ประกอบไปด้วย ข้อมูลดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1: ระบุข้อมูลบริษัท
- ชื่อบริษัทและตราประทับ
เราสามารถตรวจสอบและจองชื่อบริษัทก่อนยื่นคำขอจดทะเบียนได้ที่ https://reserve.dbd.go.th/ หลังจากสมัครสมาชิกและเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ไปยังเมนู จองชื่อ / ตรวจทะเบียนคำขอนิติบุคคล
เมื่อได้เลขที่ใบจองชื่อเรียบร้อยแล้ว ตอนมาจดทะเบียนบริษัทให้เลือก “จองชื่อแล้ว” ในหน้ายื่นคำขอจดทะเบียนนี้ และนำเลขที่ดังกล่าวมากรอกได้เลย
แต่ถ้าหากยังไม่เคยจดหรือจองชื่อบริษัทมาก่อน สามารถเลือก “ยังไม่ได้จองชื่อ” เพื่อทำการจองและยื่นคำขอจดทะเบียนพร้อมกันทีเดียวได้เลยเช่นกัน
คำเตือน: ชื่อนิติบุคคลหรือชื่อบริษัทจะต้องเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำและไม่คล้ายกับบริษัทอื่นๆ ที่จดทะเบียนอยู่แล้ว
ในส่วนต่อมา จะเป็นเรื่องของตราประทับ โดยกฎหมายไม่ได้มีการบังคับว่าบริษัทจะต้องมีตราประทับ ดังนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้ ในกรณีที่มีตราประทับแล้ว สามารถติ๊กช่อง มี และอัปโหลดรูปตราประทับของบริษัทได้
- ทุนจดทะเบียนและหุ้น
ทุนจดทะเบียนสำคัญอย่างไร? ควรจดเบียนทุนที่มูลค่าเท่าไร?
ตามกฎหมายแล้ว มูลค่าหุ้นจะถูกกำหนดเพียงแค่ ห้ามต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท และต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน ดังนั้น ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของบริษัทคือ 10 บาท แต่อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปบริษัทมักจะจดทะเบียนด้วยทุน 1,000,000 บาท เพื่อความน่าเชื่อถือของบริษัท (ซึ่งจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้)
โดยบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท จะถือเป็นกิจการขนาดเล็ก หรือธุรกิจ SMEs ซึ่งกฎหมายได้ให้ประโยชน์ทางภาษี โดยอัตราภาษีกำไร 3 แสนแรกจะได้รับยกเว้น ส่วนที่เกิน 3 แสน - 3 ล้านบาทให้เสียภาษีที่ 15% และกำไรส่วนที่เกิน 3 ล้านบาทให้เสียภาษีที่ 20% ในขณะที่บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาท จะเสียภาษีที่อัตรา 20% ตั้งแต่กำไรบาทแรกเลย
ตัวอย่าง ถ้าทุนจดทะเบียนบริษัท 1,000,000 บาท จำนวนหุ้นขั้นต่ำจะเท่ากับ 200,000 หุ้น และมูลค่าหุ้นจะอยู่ที่หุ้นละ 5 บาท
- ที่ตั้งสำนักงานและการติดต่อ
ให้ระบุที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ที่เป็นสถานที่ประกอบกิจการหลักของบริษัท นอกจากสถานที่ตั้งแล้ว จะต้องใส่ข้อมูลติดต่อนิติบุคคล อย่างเบอร์โทรศัพท์และอีเมลด้วย โดยในขั้นตอนนี้ระบบจะทำการส่งรหัสเข้าอีเมลเพื่อทำการ verify email ดังกล่าวด้วย
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความถูกต้องของอีเมลให้เรียบร้อย เพราะอีเมลที่ระบุในหน้านี้ จะนำไปใช้ในระบบ E-filing ในการส่งงบการเงินด้วย
และหากร้านค้ามีที่ตั้งสาขาเพิ่มเติมนอกเหนือจากสำนักงานใหญ่ ให้เลือก “เพิ่มที่ตั้งสาขา” และกรอกข้อมูลสถานที่ตั้ง เช่นเดียวกันกับที่กรอกสำนักงานใหญ่ได้เลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 2: ข้อมูลบุคคลในบริษัท
- ผู้เริ่มก่อการ
ข้อมูลส่วนตัวของผู้เริ่มก่อการ ประกอบไปด้วยข้อมูลเลขบัตรประชาชน รวมถึงรหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน, วัน/เดือน/ปีเกิด, ชื่อ-สกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, เพศ, อาชีพ, ข้อมูลที่อยู่ และข้อมูลการติดต่อ
คำเตือน: ผู้เริ่มก่อการ จะต้องมีอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป
- ข้อมูลผู้ถือหุ้นและสัดส่วนหุ้น
ข้อมูลของผู้ถือหุ้น จะต้องระบุว่าผู้ถือหุ้นแต่ละคน ถือหุ้นคนละจำนวนกี่หุ้น และมูลค่าหุ้นละเท่าไร โดยผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกับผู้ร่วมก่อการเสมอไป เราสามารถเพิ่มรายชื่อผู้ถือหุ้นใหม่ นอกเหนือจากผู้ร่วมก่อการที่ได้มีการใส่ข้อมูลไว้แล้วก็ได้
ผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้น แตกต่างกันอย่างไร?
ส่วนใหญ่แล้วผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นมักเป็นคนเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทจะใช้คำว่า “ผู้เริ่มก่อการ” แทนคำว่า “ผู้ถือหุ้น” เนื่องจากนิติบุคคล ยังไม่เกิดขึ้น
คำเตือน:
- จำนวนเงินของหุ้นที่ชำระแล้ว จะต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับทุนจดทะเบียนทั้งหมด เช่น ถ้าทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท รวมเงินที่ชำระแล้วจากผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1,000,000 บาท
- จำนวนเงินของหุ้นที่ชำระแล้ว จะต้องไม่ต่ำกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน เช่น ถ้าทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ต้องชำระค่าหุ้นขั้นต่ำที่ 250,000 บาท
- กรรมการและอำนาจกรรมการ
กรรมการของบริษัท จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ หากแต่งตั้งให้กรรมการจากรายชื่อผู้ถือหุ้น สามารถเลือกดึงข้อมูลเดิมของผู้ถือหุ้นที่เคยกรอกไว้แล้วได้เลย แต่ถ้าแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นกรรมการ จะต้องมีการกรอกข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้นเพิ่มเติม
ในส่วนของอำนาจกรรมการ หมายถึง อำนาจในการลงลายมือชื่อผูกพันบริษัท สามารถกำหนดได้ว่าจะให้กรรมการคนใดมีอำนาจในการลงชื่อผูกพันบริษัท หรือสามารถเลือกให้กรรมการทุกคนลงลายมือชื่อร่วมกันจึงจะมีผลผูกพันบริษัทก็ได้
เช่น
ถ้าระบุจำนวนกรรมการ เท่ากับ 1 หมายถึง เมื่อมีกรรมการ 1 คนลงลายมือชื่อ การกระทำนั้นจะมีผลผูกพันบริษัท
ถ้าระบุจำนวนกรรมการ เท่ากับ 2 หมายถึง เมื่อมีกรรมการ 2 คนลงลายมือชื่อร่วมกัน การกระทำนั้นจะมีผลผูกพันบริษัท
ขั้นตอนที่ 3: สร้างเอกสาร
- วัตถุประสงค์ของบริษัท
กรณีที่บริษัทไม่ได้ประกอบธุรกิจพิเศษ เช่น ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจข้อมูลบัตรเครดิต ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจตลาดแบบตรง เป็นต้น ให้เลือกประเภทธุรกิจเป็น “ไม่ใช่ธุรกิจพิเศษ”
จากนั้น ระบบจะมีวัตถุประสงค์สำเร็จรูปให้เลือกต่อ โดยวัตถุประสงค์ทั่วไปจะเป็นวัตถุประสงค์ default ที่ทุกนิติบุคคลต้องมีอยู่แล้ว และจะไม่สามารถทำการนำออกได้
นอกจากวัตถุประสงค์ทั่วไปแล้ว จะต้องเลือกวัตถุประสงค์ในหัวข้ออื่นๆ ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทเพิ่มเติมด้วย หรือหากไม่มีในตัวเลือกของวัตถุประสงค์สำเร็จรูปก็สามารถเพิ่มวัตถุประสงค์ที่กำหนดเองได้
- สินค้าและบริการของบริษัท
ระบบจะแสดงวัตถุประสงค์ที่เลือกไว้ในหน้าก่อน เพื่อให้เลือกวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของบริษัทเพียง 1 ข้อ จากนั้นเลือกรหัสธุรกิจที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักของบริษัทเรามากที่สุด
โดยปกติแล้วบริษัทส่วนใหญ่จะใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นข้อบังคับของบริษัท แต่ถ้าผู้ประกอบการมีข้อบังคับอื่นนอกเหนือจากนี้ ก็สามารถติ๊กช่อง มีข้อบังคับ และเพิ่มเติมข้อมูลเองได้
- ข้อมูลการประชุม
สิ่งที่ต้องระบุ
- วันและเวลาเปิด/ปิดการประชุม
- สถานที่ประชุม
- ข้อมูลประธานที่ประชุม
- ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัท
ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัท คือ ค่าใช้จ่ายที่ผู้ก่อการได้ออกไปก่อนการจัดตั้งบริษัท ซึ่งหมายความว่าที่ประชุมได้ให้สัตยาบัน (ให้คำสัญญา) ว่าจะจ่ายเงินจำนวนนี้คืนให้ผู้ก่อการ และสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทได้ หลังจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเรียบร้อยแล้ว ในกรณีจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ด้วยตัวเองผ่านระบบ DBD Biz Regist จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ราวๆ 6,000 - 7,000 บาท ให้ใส่ลงไปในส่วนนี้ได้เลย
- ข้อมูลผู้สอบบัญชี
กรณีที่ได้มีการกำหนดผู้สอบบัญชีแล้ว ให้ใส่ข้อมูลของผู้สอบบัญชีไว้ด้วย แต่กรณีที่ยังไม่ได้มีการกำหนดผู้สอบบัญชีไว้ ระบบใหม่นี้สามารถเลือกได้ ว่าให้ระบุในการประชุมผู้ถือหุ้นคราวถัดไป
ค่าจ้างผู้สอบบัญชีก็เช่นเดียวกัน ถ้ายังไม่ได้มีการกำหนดให้เลือกจะกำหนดในการประชุมผู้ถือหุ้นคราวถัดไป
สามารถติดต่อผู้สอบบัญชีหรือค้นหาผู้สอบบัญชีได้จากเว็บไซต์ของสภาวิชาชีพบัญชี
- ข้อมูลการประกอบธุรกิจ
หากมีรายการอื่นที่เห็นควรจะให้ประชนทราบ สามารถระบุเพิ่มเติมได้ที่ขั้นตอนนี้ (ถ้ามี)
- เอกสารแนบ
กรณีที่มีเอกสารอื่นๆ ที่ต้องแนบเพิ่มเติม สามารถอัปโหลดไฟล์ได้ที่ขั้นตอนนี้ เช่น กรณีที่มีผู้ถือหุ้นเป็นคนต่างชาติ จะต้องอัปโหลดหนังสือรับรองเงินฝากธนาคารของผู้ถือหุ้นคนไทยทุกคน เป็นต้น แต่ในกรณีที่ไม่มี ก็สามารถกดดำเนินการต่อได้เลย
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบหนังสือคำรับรองการจดทะเบียน
หลังจากกรอกข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงหนังสือคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทเพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง ก่อนที่จะยื่นคำขอจดทะเบียน
เมื่อตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้องครบถ้วนถูกต้องดีแล้ว ให้ติ๊กถูกที่ช่อง “ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอย่างครบถ้วนแล้ว ยืนยันว่าเอกสารและรายละเอียดทั้งหมด ถูกต้องครบถ้วน” จากนั้นกด ดำเนินการยื่นคำขอ
ระบบจะแสดงหน้าจอยืนยันว่าได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว รวมถึงแสดงเลขที่คำขอและจำนวนคิวในการยื่นคำขอ
เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนในการยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทแล้ว จะเห็นได้ว่าทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ได้มีการปรับระบบการจดทะเบียนบริษัทผ่านออนไลน์ ให้ใช้งานได้สะดวกและเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
แต่หากมาถึงขั้นตอนนี้แล้วยังรู้สึกว่าการจดทะเบียนบริษัทด้วยตนเองยังเป็นเรื่องยากและยังต้องการคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือเพิ่มเติม ก็ให้ FlowAccount ช่วยจัดการให้คุณได้เช่นกัน
อยากจดทะเบียนบริษัทแบบง่ายกว่านี้ ให้ FlowAccount ช่วยจัดการให้ได้เลยทันที
FlowAccount รับจดทะเบียนบริษัท จัดตั้งนิติบุคคล พร้อมมอบโปรแกรมบัญชีออนไลน์ และสิทธิประโยชน์ อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล ให้บริหารธุรกิจด้วยตัวเองได้อย่างมั่นใจตั้งแต่ก้าวแรกด้วย 9 บริการจากเรา ในการช่วยเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ตามระเบียบขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อ่านรายละเอียดและติดต่อทีมงานได้เลย ที่นี่
About Author

A graduate student with degrees in Accounting and Financial Management, complemented by professional experience as an external auditor at a Big4 firm and as a Business Analyst in the financial sector.