ในช่วงครึ่งหลังของปี เจ้าของธุรกิจอาจกำลังโฟกัสพยายามปั่นยอดขายให้ถึงเป้าก่อนปิดสิ้นปี แต่รู้ไหมคะว่า มีเรื่องสำคัญที่เจ้าของธุรกิจ SMEs มักหลงลืม นั่นก็คือ การยื่นภาษีครึ่งปีนิติบุคคล หรือแบบ ภ.ง.ด.51 ที่ทุกธุรกิจต้องสำรวจรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไร และประมาณการภาษีส่งให้กับสรรพากรด้วย |
บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานว่า ภาษีครึ่งปีนิติบุคคล ภ.ง.ด.51 คืออะไร ใครต้องยื่น ยื่นเมื่อไหร่ วิธีคำนวณทำยังไง รวมถึงทริกเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้ SMEs ยื่นภาษีได้ถูกต้องผ่านฉลุย
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleภ.ง.ด.51 คืออะไร?
ภ.ง.ด.51 มีชื่อเต็มว่า “แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี”
ถ้าอธิบายง่าย ๆ ก็คือ การคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน) บวกกับประมาณการในครึ่งปีที่เหลือ แล้วนำมาคิดภาษีครึ่งหนึ่งเพื่อ “จ่ายภาษีล่วงหน้า” ให้กับกรมสรรพากรสำหรับครึ่งปีแรกไปก่อน
สำหรับภาษีครึ่งปีที่เราจ่ายชำระไป ก็จะถูกเก็บแต้มไว้ ไปหักกับภาษีตอนปลาย โดยเรียกว่า “เครดิตภาษี” ช่วยแบ่งเบาภาระภาษีที่ชำระตอนปลายปีได้อีกด้วย
ใครบ้างที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 ?
แน่นอนว่า ภ.ง.ด.51 เป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล ผู้ที่ต้องเสียภาษีประเภทนี้จึงเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนแบบนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือว่าบริษัทจำกัด
ยกเว้นบางกรณี ได้แก่ บริษัทที่ตั้งใหม่ และรอบบัญชีแรกไม่ถึง 12 เดือน ดังนั้น ถ้าคุณเป็น SMEs ที่เพิ่งเปิดบริษัทมาได้สักพัก บอกเลยว่าเลี่ยงไม่ได้ ต้องยื่นภาษีครึ่งปีแน่นอน (แม้จะมีขาดทุนก็ตาม)
วิธีคำนวณกำไรสุทธิครึ่งปี?
สำหรับธุรกิจ SMEs จะใช้วิธีกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี ในการคำนวณภาษีเพื่อนำส่งแบบ ภ.ง.ด.51 ดังนี้
แม้เป็นสมการสั้น ๆ แต่ว่าในรายละเอียดเราควรคำนวณเป็นลำดับขั้นตอน ดังนี้
1. รวบรวมรายได้ในช่วง 6 เดือนแรก และประมาณการรายได้ 6 เดือนที่เหลือ
2. หัก ค่าใช้จ่ายในช่วง 6 เดือนแรก และประมาณการค่าใช้จ่าย 6 เดือนที่เหลือ
3. หัก ขาดทุนสะสมยกมาไม่เกิน 5 ปี (ถ้ามี)
4. ได้ประมาณกำไรสุทธิสำหรับทั้งปี จากนั้นเอามาหาร 2
5. คูณอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
- SME รายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี จะได้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษี
- เช่น กำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท ไม่เสียภาษี
- ส่วนที่เกิน 300,000 – 3,000,000 บาท เสีย 15%
- ส่วนที่เกิน 3,000,000 บาทขึ้นไป เสีย 20%
ตัวอย่างการคำนวณ ภ.ง.ด 51
- บริษัทคาดว่ามีรายได้ 5,000,000 บาท ค่าใช้จ่าย 3,000,000 บาท กำไรสุทธิทั้งปี 2,000,000 บาท
- ไม่มีขาดทุนสะสมยกมา
- ประมาณการกำไรสุทธิครึ่งปี = 2,000,000/2 = 1,000,000 บาท
- ภาษีครึ่งปี = (1,000,000 – 300,000) × 15% = 105,000 บาท
เพียงเท่านี้ ก็จะได้มูลค่าภาษีเงินได้ครึ่งปีที่ต้องนำส่งสรรพากร
อย่าลืมเช็กว่าใน 6 เดือนที่ผ่านมา เรามีภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้บ้างหรือไม่ ถ้ามีอย่าลืมกรอกในแบบเป็นเครดิตภาษีไว้ด้วย
หมายเหตุ: ถ้าภาษีที่ชำระจาก ภ.ง.ด.51 ต่ำเกินไป (น้อยกว่า 25% ของภาษีสิ้นปีจาก ภ.ง.ด.50) และไม่มีเหตุผลอันสมควร สรรพากรมีสิทธิเรียกเก็บเงินเพิ่มและเบี้ยปรับเพิ่มเติมได้
ภาษีครึ่งปี ต้องยื่นเมื่อไหร่และอย่างไร?
รู้วิธีคำนวณภาษีครึ่งปีนิติบุคคลกันแล้ว ก็ต้องรู้เดดไลน์ยื่น ภ.ง.ด.51 ด้วย เพราะไม่อย่างนั้น อาจเสี่ยงยื่นภาษีล่าช้าได้ โดยกำหนดเวลาชัดเจน คือ ภายใน 2 เดือนหลังจากรอบครึ่งปีแรกจบ
- ถ้าบริษัทปิดรอบบัญชี 31 ธันวาคม → ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 ภายใน สิ้นเดือนสิงหาคม หรือ 8 กันยายน กรณียื่นแบบออนไลน์
- ถ้าบริษัทปิดรอบบัญชีไม่ตรงสิ้นปี → ก็นับ 6 เดือนแรก แล้วบวกไปอีก 2 เดือน เช่น ปิดรอบ 30 กันยายน → ต้องยื่นภายใน 30 พฤศจิกายน
ในปัจจุบันสามารถยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรได้แล้ว สะดวก ไม่ต้องต่อคิว
ผลกระทบของการไม่ยื่นภาษีครึ่งปี หรือยื่นผิด จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
หลายคนอาจคิดว่า ภ.ง.ด.51 เป็นแบบประมาณการ จะยื่นช้าหรือไม่ยื่นก็ไม่น่าจะเป็นไร แต่ในความเป็นจริง หากไม่ยื่นแบบภายในกำหนด หรือยื่นต่ำกว่าความเป็นจริง อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น
- ค่าปรับไม่ยื่นแบบ 2,000 บาท
- เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ค้าง
- ยื่นต่ำเกินจริง ถูกประเมินย้อนหลัง + เงินเพิ่ม 20% + ดอกเบี้ยอีก 1.5% ต่อเดือน
เพราะฉะนั้น แนะนำให้ยื่น ภ.ง.ด.51 ให้ถูกต้องและตรงเวลาจะดีที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากค่าปรับและความน่าเชื่อของธุรกิจนั่นเอง
การยื่น ภ.ง.ด.51 ไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวอย่างที่เจ้าของธุรกิจ SMEs กังวล ถ้าเข้าใจหลักการคำนวณและเตรียมข้อมูลให้พร้อม การยื่นภาษีครึ่งปีก็จะเป็นเรื่องง่าย เราเลยจะมาสรุปแบบง่าย ๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจกันอีกรอบว่า
- ทุกบริษัทต้องยื่น เว้นแต่เป็นรอบบัญชีแรกไม่ถึง 12 เดือน
- ยื่นภายใน 2 เดือนหลังจบรอบครึ่งปีแรก
- คำนวณจากกำไรสุทธิครึ่งปี คูณอัตราภาษีตามกฎหมาย
- ยื่นออนไลน์ได้ ง่ายกว่ามาก
เจ้าของธุรกิจ SMEs ทั้งหลายอย่าลืมวางแผนภาษีล่วงหน้า เตรียมข้อมูลและยื่นภาษีกลางปีให้เรียบร้อย ก่อนจะไปตะลุยสร้างยอดขายในช่วงปลายปีอย่างสบายใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับภาษีครึ่งปีนิติบุคคล (ภ.ง.ด. 51)
1. ถ้า SME มีกำไรสุทธิน้อยหรือขาดทุน ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 ไหม?
ตอบ: ต้องยื่น ถึงแม้กำไรจะน้อยหรือขาดทุนจนไม่ต้องเสียภาษี ก็ยังมีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51
2. ยื่นภาษีครึ่งปีกับสิ้นปีต่างกันยังไง?
ตอบ: ภาษีครึ่งปีเป็นการประมาณกำไรล่วงหน้า (ภ.ง.ด.51) ส่วนสิ้นปีจะเป็นยอดกำไรสุทธิจริง (ภ.ง.ด.50)
3. ถ้าคำนวณกำไรจริงสิ้นปีแล้วไม่ตรงกับที่คาดไว้ จะโดนปรับไหม?
ตอบ: หากคาดการณ์ครึ่งปีสูงกว่าความเป็นจริง ไม่โดนปรับ แต่ถ้าคาดการณ์ต่ำเกินไปเกิน 25% ของกำไรจริง กรมสรรพากรมีสิทธิ์ปรับเงินเพิ่มได้ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขกรณีมีเหตุอันสมควร ดังนี้
- กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว
- กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว แต่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว เนื่องจากได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี
About Author

นักบัญชี ผู้สอบบัญชี และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ cpdacademy.co คอร์สอบรมบัญชี CPD ออนไลน์สำหรับผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชี ที่มีประสบการณ์ในวิชาชีพมากกว่า 10 ปี และอยากส่งต่อความรู้เพื่อเพื่อนนักบัญชีให้มีทักษะอย่างมืออาชีพและก้าวทันโลกดิจิทัล
ร่วมสมัครเป็นนักเขียนกับ FlowAccount ได้ที่นี่