ธุรกิจควรสร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและมีโอกาสเติบโต เพื่อดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ในทีม การยกระดับธุรกิจให้เป็นที่ทำงานในฝัน ที่พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งในแง่ของการเติบโตทางอาชีพและความสุขในการทำงาน ถ้าอยากเปลี่ยนองค์กรให้เป็นที่ทำงานในฝันของพนักงาน และดึงดูดคนเก่งๆ ให้เข้ามาอยู่กับทีม ลองมาดู 6 วิธีกุญแจสู่ความสำเร็จขององค์กรยุคใหม่ได้ ที่บทความนี้ |
ทุกวันนี้เวลาพนักงานต้องการหางานไม่ได้มองแค่เงินเดือนหรือชื่อเสียงธุรกิจ แต่มองว่าอยากได้ที่ทำงานที่ "ใช่" สำหรับชีวิตตัวเอง เพราะเอาจริงๆ พนักงานส่วนใหญ่ใช้เวลาทำงานแทบจะครึ่งหนึ่งของชีวิต ถ้าต้องอยู่ในที่ที่ไม่มีความสุข เจอสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด หรือทำงานในที่ที่อนาคตไม่เติบโต ก็ยากที่จะรักษาพนักงานไว้ในองค์กรได้ในระยะยาว
นี่เลยเป็นเหตุผลที่หลายองค์กรพยายามปรับตัวเพื่อดึงดูดคนเก่งๆ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการดีๆ สภาพแวดล้อมออฟฟิศที่น่าทำงาน หรือวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง แต่มันยังไม่พอ! องค์กรที่คนอยากอยู่จริงๆ ต้องให้มากกว่านั้น ที่จะเป็นปัจจัยให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กร
ถ้าอยากเปลี่ยนองค์กรให้เป็นที่ทำงานในฝันของพนักงาน และดึงดูดคนเก่งๆ ให้เข้ามาอยู่กับทีม ลองมาดู 6 วิธีกุญแจสู่ความสำเร็จขององค์กรยุคใหม่
เลือกอ่านได้เลย!
Toggle1. ธุรกิจควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ในการดำเนินธุรกิจ เป้าหมายที่ชัดเจนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน การมีเป้าหมายที่แน่นอนช่วยให้ทุกฝ่ายในองค์กรเข้าใจทิศทางการทำงาน ร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถวัดผลความสำเร็จได้
ทำไมต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
- กำหนดทิศทางองค์กรและกระตุ้นการทำงานของทีม:
เป้าหมายขององค์กรเป็นเหมือนแผนที่นำทางที่ช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินงาน เมื่อทุกคนมีเป้าหมายร่วมกัน จะช่วยสร้างแรงจูงใจและความสามัคคีในองค์กรได้ - สามารถวัดผลความสำเร็จได้ง่ายขึ้น:
โดยการใช้ตัวชี้วัดทางธุรกิจ (KPIs) ช่วยในการประเมินผลการดำเนินงานแต่ละแผนกหรือทีมอย่างชัดเจน และยังสามารถใช้ เพื่อปรับกลยุทธ์และแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและองค์กรได้ดียิ่งขึ้น - สร้างความมั่นคงและยั่งยืน:
ธุรกิจต้องคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งในแง่ของผลกำไร สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการนำแนวคิด SDGs (Sustainable Development Goals) และกิจกรรม CSR เข้ามาช่วยในการพัฒนาโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความยั่งยืนได้จริง
วิธีตั้งเป้าหมายให้มีประสิทธิภาพ
- ใช้หลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เพื่อให้องค์กรของเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้จริง
- สื่อสารเป้าหมายให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจและมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมขององค์กร
- ติดตามผลและปรับปรุงเป้าหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงขององค์กร
จากการสำรวจพบว่า การกำหนดทิศทางที่ชัดเจน ช่วยกระตุ้นการทำงานร่วมกันและสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน นอกจากนี้ การสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความผูกพัน ซึ่งมีส่วนช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จและเติบโตในระยะยาว
2. เปิดโอกาสให้พนักงานสร้างสรรค์ได้เต็มที่ ทำงานฟรีสไตล์
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน องค์กรที่เปิดโอกาสให้พนักงานทำงานอย่างอิสระ และสร้างสรรค์ ส่วนมากจะได้เปรียบในเรื่องการแข่งขัน ความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้เกิดนวัตกรรม พัฒนากระบวนการทำงาน และสร้างแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้นค่ะ
ทำไมการทำงานฟรีสไตล์ถึงสำคัญ
- ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน:
อิสระในการทำงานช่วยให้พนักงานกล้าคิด กล้าลอง และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ เมื่อพนักงานมีความสุขกับวิธีการทำงานของตนเอง ผลลัพธ์ก็จะออกมาดีขึ้น เช่น Google มีโปรแกรม 20% Time โดยให้พนักงานมีเวลา 20% ของเวลาทำงานในการทำโปรเจกต์ที่ตนเองสนใจ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม พร้อมสร้าง สภาพแวดล้อมการทำงาน ที่เปิดกว้างและสนับสนุนการทำงานของพนักงาน - สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี:
การเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงศักยภาพและความคิดเห็นอย่างเสรี ทำให้บรรยากาศในการทำงานเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร - ดึงดูดและรักษาคนเก่ง:
การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่น โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับอิสระและสมดุลชีวิตการทำงาน เพื่อให้พนักงานสามารถปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ ส่งผลให้พนักงานมีความพึงพอใจและภักดีต่อองค์กรมากขึ้น
วิธีส่งเสริมการทำงานแบบฟรีสไตล์อย่างมีประสิทธิภาพ
- การกำหนดเป้าหมายที่ไม่ควบคุมวิธีการและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์:
ช่วยให้พนักงานมีอิสระในการคิดและลงมือทำ โดยที่ยังคงอยู่ในกรอบของเป้าหมายองค์กร การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ ทำให้พนักงานสามารถพัฒนาความคิดใหม่ๆ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง - เปิดโอกาสให้ลองผิดลองถูก:
ช่วยส่งเสริมให้พนักงานกล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กลัวการล้มเหลว ไม่ควรตำหนิเมื่อเกิดความผิดพลาด แต่ควรมองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและนวัตกรรมในองค์กร - ใช้เทคโนโลยีช่วยสนับสนุนการทำงาน:
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น ระบบสื่อสารออนไลน์ หรือการจัดการโปรเจกต์ แม้จะทำงานในเวลาที่ยืดหยุ่นและจากสถานที่ต่างๆ ก็สามารถทำงานร่วมกันได้
องค์กรที่ ส่งเสริมให้พนักงานแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่และทำงานแบบอิสระ จะช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานและสามารถสร้างนวัตกรรมที่ทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับ Microsoft ที่มีโปรแกรมที่ชื่อว่า "Microsoft Garage" ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถสร้างและทดลองโปรเจกต์นอกเหนือจากงานประจำ โดยไม่จำกัดว่าต้องเกี่ยวข้องกับความสามารถเดิม หรือภาระงานหลัก โปรแกรมนี้ช่วยให้พนักงานได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และสามารถพัฒนานวัตกรรมที่มีผลต่อการเติบโตของธุรกิจ
3. สร้างบรรยากาศการทำงานสุดฮา ดีกว่าสร้างน้ำตาให้พนักงาน
จากงานวิจัยของ Deloitte พบว่า 94% ของผู้บริหาร เห็นว่าวัฒนธรรมการทำงานที่ดีมีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ องค์กรจึงมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและส่งเสริมให้พนักงานมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและทดลองสิ่งใหม่ๆ และ 88% ของพนักงานเห็นว่า การทำเช่นนี้ช่วยเพิ่มความผูกพันและแรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน เมื่อพนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจและสามารถเติบโตได้ในองค์กร พวกเขาจะทำงานอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาและเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
ทำไมต้องสร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน
- เพื่อลดความเครียดและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์:
เมื่อพนักงานมีความสุข และ รู้สึกผ่อนคลาย จะทำให้สมองปลอดโปร่งและสามารถคิดสิ่งใหม่ๆ สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้กับองค์กรได้ - กระตุ้นแรงจูงใจในการทำงาน:
การทำงานในที่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ จะทำให้พนักงานอยากมาทำงานมากขึ้น ไม่ใช่แค่รอให้ถึงช่วงเวลาเลิกงานอย่างเดียว - สร้างความสัมพันธ์คนในทีมให้มากขึ้น:
อารมณ์ขันจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจในการร่วมงานกัน อารมณ์ขันสามารถช่วยลดความเครียดและความขัดแย้งในทีมได้ ทำให้สมาชิกในทีมสามารถเปิดใจและสื่อสารกันได้ดีขึ้น อยากพัฒนาและเรียนรู้จากความผิดพลาดไปพร้อมกัน การทำงานในบรรยากาศที่สนุกสนานช่วยให้พนักงานผ่อนคลายและไม่เครียด ซึ่งส่งผลให้พวกเขามีสมาธิและสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้น
แนวทางการสร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกสนานและผ่อนคลาย
- เติมสีสันในการประชุม การเติมสีสันในช่วงเริ่มต้นจะช่วยให้พนักงานเปิดใจและกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในการประชุม ส่งเสริมให้การสื่อสารระหว่างกันเป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม
- จัดกิจกรรมสร้างความสนุกในองค์กร เช่น การแข่งขันสร้างสรรค์มีม (Meme Battle) หรือการกำหนดวันพิเศษที่พนักงานสามารถแต่งกายในธีมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความมีชีวิตชีวาในที่ทำงาน
- เปิดพื้นที่ให้พนักงานแสดงออกด้านความสนุกสนาน จัดให้มีช่องทางออนไลน์หรือพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน เช่น กระดาน กลุ่มสนทนาในองค์กรที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
- เฉลิมฉลองให้กับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดของพนักงาน การดำเนินโครงการสำเร็จ หรือแม้แต่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถนำมาสร้างรอยยิ้มและความสามัคคีในองค์กรได้
การสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานในที่ทำงานยังตอบโจทย์รสนิยมของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันด้วย ซึ่งการทำงานในบรรยากาศที่เป็นมิตรและไม่เครียดช่วยให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมและสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ ทำให้การทำงานไม่เป็นแค่เรื่องของหน้าที่ แต่เป็นเรื่องที่น่าสนุกและมีความหมายมากขึ้น
การปรับตัวให้องค์กรมีบรรยากาศที่สนุกสนานและผ่อนคลายจึงเป็นวิธีที่องค์กรสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีมได้อย่างยั่งยืน
4. ทีมเวิร์คดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนเพียงคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกัน องค์กรที่มีทีมเวิร์คที่ดีจะสามารถขับเคลื่อนงานไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาความขัดแย้ง และสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง
ทำไมทีมเวิร์คจึงสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน:
การทำงานเป็นทีมช่วยให้แต่ละคนสามารถแบ่งหน้าที่ตามความถนัด ลดภาระที่หนักเกินไปของแต่ละบุคคล และทำให้งานเสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์:
เมื่อคนหลายๆ คนทำงานร่วมกัน ก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ๆ และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
- ลดความขัดแย้งและเสริมสร้างความสัมพันธ์:
ทีมเวิร์คที่ดีต้องอาศัยการสื่อสารที่เปิดกว้างและความเข้าใจซึ่งกันและกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างเคารพความคิดเห็นของกันและกัน ก็จะลดปัญหาความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้น - สร้างแรงจูงใจและความผูกพันกับองค์กร:
พนักงานที่รู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของทีม มักจะมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่าความสำเร็จของทีม ก็คือความสำเร็จของพวกเขาด้วย
แนวทางการสร้างทีมเวิร์คที่ดี
- ส่งเสริมการสื่อสารภายในทีม:
ให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเป้าหมายและแนวทางการทำงานที่ตรงกัน - กำหนดเป้าหมายร่วมกัน:
เพื่อให้ทุกคนมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน และทำงานอย่างมีเป้าหมายชัดเจน - จัดกิจกรรมสร้างทีม:
เช่น กิจกรรมสันทนาการหรือเวิร์กชอปพัฒนาทีม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคี
- ให้การยอมรับและให้รางวัลแก่ทีม:
เมื่อทีมประสบความสำเร็จ ควรมีการชื่นชมและให้รางวัล เพื่อเป็นกำลังใจให้พนักงานรู้สึกถึงคุณค่าในการทำงาน
การสร้างทีมเวิร์คที่ดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยการแบ่งหน้าที่ตามความถนัดและลดภาระที่หนักเกินไป ลดความขัดแย้งภายในทีมด้วยการสื่อสารที่เปิดกว้างและความเข้าใจซึ่งกันและกัน และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายร่วมกันด้วยความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
5. พัฒนาคน พัฒนาองค์กร ก้าวหน้าไปด้วยกัน
ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การพัฒนาองค์กรไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากขาดการพัฒนาบุคลากร เพราะ "บุคลากร" คือ หัวใจสำคัญของความสำเร็จ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงานจะสามารถเติบโตและก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคง โดยเฉพาะในมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่มักมองหางานในองค์กรที่มีโอกาสพัฒนาและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
คนรุ่นใหม่ต้องการองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเอง รวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและการพัฒนาความสามารถในอาชีพ ซึ่งจะช่วยดึงดูดและรักษาคนเก่งในองค์กรได้อย่างยั่งยืน
ทำไมต้องพัฒนาคน พัฒนาองค์กร ก้าวหน้าไปด้วยกัน
- การพัฒนาคนคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ:
เสริมสร้างทักษะความรู้ด้วยการอบรมและหลักสูตรพัฒนาต่างๆ ควบคู่กับการสร้างโอกาสเติบโตในสายอาชีพที่ชัดเจน เช่น การใช้ Job Transfer ภายในองค์กรอย่าง Google และ Amazon ช่วยให้พนักงานได้พัฒนาทักษะหลากหลาย ลดความเบื่อหน่าย และสร้างความท้าทายใหม่ๆ นอกจากนี้ การส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตยังช่วยให้พนักงานพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้พนักงานมีความสุข ผูกพันกับองค์กร ลดอัตราการลาออก และสร้างทีมที่แข็งแกร่งมีประสิทธิภาพในระยะยาว - การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน:
ต้องเริ่มจากการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งช่วยให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ เช่น ระบบบริหารงานอัตโนมัติและแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ สามารถบริหารทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นแรงบันดาลใจให้พนักงานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันอย่างมั่นคง - พัฒนาพนักงานให้เติบโตไปพร้อมองค์กร:
เมื่อพนักงานได้รับโอกาสในการพัฒนาและรู้สึกผูกพันกับองค์กร พนักงานจะมีแรงจูงใจในการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเพิ่มขึ้น และองค์กรก็สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
6. ฟังเสียงพนักงาน ให้ทุกความคิดเห็นมีค่า
การรับฟังเสียงของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อพนักงานรู้สึกว่าความคิดเห็นของพวกเขามีค่าและได้รับการรับฟัง จะช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานกับองค์กร และส่งผลให้เกิดความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น
องค์กรที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงนโยบาย สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
บทสรุป
จากทั้งหมด 6 หัวข้อที่พูดถึง สะท้อนให้เห็นว่าพนักงานรุ่นใหม่ต้องการธุรกิจที่มีเป้าหมายชัดเจน วัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง สนับสนุนการพัฒนาตัวเอง สวัสดิการดีและสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ ยอมรับความหลากหลาย และช่วยให้พวกเขามีสมดุลชีวิตการทำงานที่ดี ธุรกิจควรสร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและมีโอกาสเติบโต เพื่อดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ในทีม
สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การยกระดับองค์กรให้เป็นที่ทำงานในฝัน ที่พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งในแง่ของการเติบโตทางอาชีพและความสุขในการทำงาน
ยกระดับองค์กรให้เป็นที่ทำงานในฝัน ด้วยการดูแลพนักงานในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เงิน องค์กร หรือคน จะทำให้องค์กรกลายเป็นสถานที่ทำงานที่ทุกคนต้องการร่วมงานด้วย ด้วยการใส่ใจในทุกความต้องการของพนักงาน ทั้งด้านการพัฒนา การให้โอกาสในการสร้างสรรค์ และการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในองค์กร ทำให้องค์กรของคุณเติบโตไปพร้อมกับพนักงานในระยะยาวและเป็นองค์กรที่ดีที่สุดในสายตาของพวกเขา
ถ้าอยากให้ที่ทำงานของคุณกลายเป็น Best Places to Work™ มันไม่ยากอย่างที่คิด !
ที่ WorkVenture เรามีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าใจพนักงานได้มากขึ้น ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของวัฒนธรรมองค์กรและรู้ว่าอะไรที่พนักงานต้องการและคาดหวังอะไรจากที่ทำงาน
การสร้างวัฒนธรรมที่ดีและบรรยากาศการทำงานที่ทำให้คนอยากอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการบังคับ แต่เกิดจากการเข้าใจและปรับตัวให้ตรงกับความต้องการขององค์กร ซึ่ง Best Places to Work™ จะช่วยให้คุณทำได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น Best Places to Work™ ยังช่วยยกระดับแบรนด์นายจ้างของคุณ ทำให้ธุรกิจของคุณน่าสนใจมากขึ้นในสายตาคนเก่งๆ ที่อยากจะเข้ามาร่วมงาน
ลองดูเลย! สมัครง่ายๆ แล้วมาสร้างองค์กรที่น่าทำงานที่สุดไปด้วยกัน ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ Best Places to Work™
About Author

WorkVenture.com เป็นแพลตฟอร์มหางานที่เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กับองค์กร และยังเป็นผู้นำทางด้านการสร้างแบรนด์นายจ้าง รวมถึงให้คำปรึกษาให้กับองค์กรชั้นนำของไทย