SaaS Connect Thailand 2025

SaaS Connect Thailand 2025

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา งาน SaaS Connect Thailand 2025 ได้จัดขึ้นที่ TK Hall, Sasin โดย FlowAccount และ Katalyst เพื่อรวมคนในวงการ SaaS มาแลกเปลี่ยนมุมมอง แชร์ประสบการณ์ และพูดคุยกันเรื่องการสร้างและขยายธุรกิจในบริบทของประเทศไทยและภูมิภาค

SaaS Connect Thailand 2025
Learn together, grow together, build Thai SaaS together.

 

งานนี้เป็นรูปแบบสัมมนาเต็มวัน มีทั้งผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีมาร่วมแบ่งปันความรู้ เนื้อหาหลักครอบคลุมหลายด้าน เช่น การเติบโตของธุรกิจ SaaS ในประเทศไทย, การนำ AI มาใช้ในทางปฏิบัติ,แนวทางการระดมทุน รวมถึงการขยายจาก SME ไปสู่กลุ่มลูกค้าองค์กร (Enterprise)

นอกจากเนื้อหาในงานแล้ว ช่วงเย็นยังมีดินเนอร์ค็อกเทลให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดีย และสร้าง Connection กันในบรรยากาศสบายๆ อีกด้วย

 

 

Professor Ian Fenwick, Ph.D., Director, Sasin School of Management

 

Welcome Keynote from Sasin School of Management

โดย Professor Ian Fenwick, Ph.D., Director, Sasin School of Management

 

SaaS Connect Thailand 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานสัมมนาเกี่ยวกับ SaaS เท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่แสดงให้เห็นว่า โมเดลธุรกิจที่ดี สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม ยกระดับผู้คน และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนได้จริง เรามุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงผู้คนที่มีความฝันและเป้าหมายเดียวกัน ให้ได้มาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเติบโตไปพร้อมกัน เราเชื่อว่าทุกธุรกิจสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้ เพื่ออนาคตของเรา ลูกหลานของเรา
ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงธุรกิจดิจิทัลแห่งอาเซียน เราสามารถลดตัวกลางที่ไม่จำเป็น และสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดอย่างแท้จริง งาน SaaS Connect Thailand ในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้เป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมดิจิทัลที่โดดเด่นในภูมิภาคนี้
เราจะยังคงตั้งคำถาม ท้าทายข้อจำกัดของการขยายธุรกิจ และที่สำคัญที่สุด “เราจะไม่หยุดฝัน และไม่หยุดสร้างสิ่งใหม่”

 

คุณวรพจน์ กิ่งแก้วก้านทอง, Partner - Investment of Beacon Venture Capital

 

Thai SaaS Forward: Navigating Challenges, Unlocking Global Playbooks

 

โดย คุณวรพจน์ กิ่งแก้วก้านทอง, Partner - Investment of Beacon Venture Capital

 

ตลาด SaaS ของไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ จากการเป็นเพียง “เครื่องมือช่วยงาน” สู่การเป็น “โซลูชันธุรกิจ” ที่ตอบโจทย์จริง โดยเฉพาะเมื่อผสาน AI และ Automation เข้ากับระบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างชัดเจน Beacon VC วิเคราะห์ว่าในปี 2025 ลูกค้าจะไม่เลือก SaaS ตามกระแสอีกต่อไป แต่จะพิจารณาจาก ROI และผลลัพธ์ที่วัดได้จริง วงจรการตัดสินใจจึงยาวขึ้น และ Trial Program จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

 

SaaS ไทยจึงต้องปรับมุมมองจากการหาลูกค้าใหม่ มาโฟกัสที่การเพิ่ม Net Revenue Retention ผ่านฐานลูกค้าเดิม พร้อมออกแบบ Product ให้ลูกค้าสามารถ Self-serve ได้ง่าย จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่เวทีดิจิทัลอาเซียน ผู้เล่น SaaS ที่เข้าใจลูกค้าและพร้อมปรับตัวตามเทรนด์โลก จะมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ไม่ยาก

 

 

คุณอภิเษก เทวินทรภักติ, CEO of Beryl8 Moderator คุณกานต์ โชครุ่งวรานนท์, Chief of Staff, FlowAccount

 

(Fireside chat) M&A Strategies for Rapid Growth

 

โดย คุณอภิเษก เทวินทรภักติ, CEO of Beryl8 Moderator
        คุณกานต์ โชครุ่งวรานนท์, Chief of Staff, FlowAccount

 

ในเวที SaaS Connect Thailand 2025 คุณอภิเษก CEO แห่ง Beryl8 และคุณกานต์ จาก FlowAccount ได้แชร์มุมมองเรื่องการเติบโตผ่านกลยุทธ์ M&A ที่ไม่ได้เริ่มจาก “อยากขยาย” แต่เริ่มจาก “อยากสร้างรากฐานที่แข็งแรง”

 

Beryl8 เริ่มต้นจากการหาลูกค้ารายแรก แม้จะเป็นธุรกิจครอบครัว และค่อย ๆ เติบโตจนเป็นพาร์ทเนอร์อันดับ 1 ของ Salesforce ก่อนจะเดินหน้าเป็นบริษัท Digital Transformation แบบ End-to-End ด้วยการใช้ M&A อย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่ “ซื้อแล้วจบ” แต่ต้องวางกลยุทธ์ วิเคราะห์ Synergy และเลือกพาร์ทเนอร์ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ Culture Fit เพราะการรวมกันของคนที่ไม่เชื่อในเป้าหมายเดียวกัน จะกลายเป็นอุปสรรคมากกว่ากำลังเสริม หลังการควบรวมทุกครั้ง Beryl8 จะเริ่มจากการทำงานร่วมกันจริง สร้างระบบ Governance ที่ชัด และเน้นการ Align เป้าหมาย แทนการยัดเยียดวัฒนธรรม

 

ในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว เป้าหมายของ Beryl8 ไม่ใช่แค่โต แต่คือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI และสร้างมูลค่าจากสิ่งที่มีอยู่ M&A สำหรับ Beryl8 จึงไม่ใช่แค่กลยุทธ์โตไว แต่เป็นแนวทางสร้างองค์กรที่แข็งแรงและพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

คุณทรงยศ คันธมานนท์, CEO of Ready Planet

From Startup to IPO: The 25-Year Journey to Building an Enduring Company

 

โดย คุณทรงยศ คันธมานนท์, CEO of Ready Planet

 

ReadyPlanet เกิดขึ้นจากคำถามง่ายๆ ว่า ทำไมไม่มีระบบสร้างเว็บไซต์ที่ครบวงจรและใช้งานง่ายสำหรับทุกคน คุณทรงยศ คันธมานนท์ ลงมือทำตั้งแต่เริ่มต้นในยุคอินเทอร์เน็ตเพิ่งบูม ผ่านช่วงฟองสบู่ดอทคอมแตกและการปรับโมเดลธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนสามารถจับมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง Google, Meta, Baidu และ Alibaba ได้ แต่บทเรียนสำคัญคือ การร่วมงานกับยักษ์ใหญ่อาจไม่ใช่ทางรอดเสมอไป เพราะเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้

 

ในปี 2019 ReadyPlanet หันกลับมาโฟกัสที่ตัวเองโดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ All-in-One Sales & Marketing Platform ด้วยทีมพัฒนา In-house พร้อมแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ COVID-19 สร้างแรงกระทบหนัก ทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก แทนที่จะเปลี่ยนทิศทางเพื่อเอาตัวรอด ReadyPlanet เลือกเน้นกลุ่มลูกค้า Enterprise ที่มูลค่าต่อดีลสูงกว่าเดิม จนกลับมาทำกำไรและยื่น Filing ได้สำเร็จ 

 

บทเรียนจาก 25 ปีของ ReadyPlanet คือ “การไม่หยุดปีนขึ้นไป แม้จะไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ตรงไหน” เหมือนกบที่ปีนเสาและไม่ได้ยินเสียงบ่นรอบข้าง ความสำเร็จเกิดจากการยึดมั่นในกลยุทธ์ ไม่หลงไปกับกระแสและเข้าใจว่าทุกจุดแข็งของเราจะมีจุดอ่อนตามมาเสมอ การเติบโตอย่างยั่งยืนจึงต้องรู้ว่าควรเลือกสู้ในสนามไหน และจะสร้าง Product ที่แข็งแรง มากกว่าการวิ่งตามโปรเจกต์ไปเรื่อยๆ

 

 

คุณไผท ผดุงถิ่น, CEO of BUILK One Group

Transitioning from SMEs to Enterprise

 

โดย คุณไผท ผดุงถิ่น, CEO of BUILK One Group

 

BUILK One Group เริ่มต้นจากการเป็น SaaS ให้บริการ ERP สำหรับธุรกิจก่อสร้างในกลุ่ม SME แต่เมื่อเทคโนโลยีและการแข่งขันเปลี่ยนเร็ว บริษัทต้องปรับตัวจาก “SaaS ทั่วไป” เป็น “SaaS ที่เชี่ยวชาญลึกในตลาดเฉพาะ” โดยคุณไผท CEO เล่าว่า การเติบโตของ BUILK มาจาก mindset การ “Scale up” ผ่านการใช้ Big Data และทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ๆ อย่าง E-commerce และ FinTech ที่ต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิม

 

BUILK พัฒนาจากทีมเล็กสู่ทีมกว่า 150 คนในไทยและฟิลิปปินส์ โดยเปลี่ยนโซลูชันจาก Construction ERP เป็น Project-Based ERP ที่ช่วยแก้ Pain Point เรื่องเวลาและต้นทุนโครงการ พร้อมเชื่อมต่อกับ B2B CRM อย่าง JUBILI เพื่อวางแผนและวิเคราะห์ยอดขายได้แม่นยำ นอกจากนี้ BUILK ยังปรับโมเดลคิดค่าบริการจากรายเดือนมาเป็น “Pay per Project” เพื่อสอดคล้องกับพฤติกรรมและงบประมาณลูกค้า ทำให้เส้นทางจาก SME สู่ Enterprise ไม่ใช่แค่เปลี่ยนกลุ่มลูกค้า แต่คือการปรับ Product, Business Model และ Mindset ของทั้งองค์กร เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาด SaaS ไทย

 

 คุณกล้า ตั้งสุวรรณ, CEO of Wisesight

Closing Your First Enterprise Sale and Scaling Your Enterprise Sales Team

 

โดย คุณกล้า ตั้งสุวรรณ, CEO of Wisesight

 

Wisesight เริ่มต้นโฟกัสลูกค้า Enterprise ตั้งแต่วันแรก เพราะเชื่อว่าธุรกิจใหญ่คือหัวใจของตลาด หลังปิดดีลกับ Samsung ได้สำเร็จ กลยุทธ์ Snowball ทำให้ขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมเดียวกันได้รวดเร็วขึ้น

การขายให้ลูกค้าองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่ต้องเน้นมาตรฐานระบบ (ISO), ความสามารถในการปรับแต่ง (Customization) และบริการที่ตอบโจทย์จริง Wisesight ใช้ “Local Mindset” แข่งกับบริการระดับโลก ด้วยการสร้างมาตรฐานเทียบเท่าแต่มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ การลงทุนใน Branding ช่วยลดต้นทุนการขายและเร่งปิดดีลแรกได้เร็วขึ้น เมื่อบริษัทโตขึ้น การ Scale ทีมและปรับโครงสร้างระบบขายจึงสำคัญกว่าแค่พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพราะแก่นของการเติบโตอยู่ที่ “ทีม” ที่แข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

 

 

คุณเอกลักษณ์ วิริยะโกวิทยา, กรรมการผู้จัดการฝ่าย Merchant Digital Solutions LINE MAN Wongnai

Scaling Vertical SaaS: Lessons from LINE MAN Wongnai’s Growth Journey

 

โดย คุณเอกลักษณ์ วิริยะโกวิทยา, กรรมการผู้จัดการฝ่าย Merchant Digital Solutions LINE MAN Wongnai

 

LINE MAN Wongnai ได้เปลี่ยนผ่านจากแพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหารที่สร้างรายได้จากโฆษณา สู่การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีครบวงจรสำหรับธุรกิจร้านอาหาร การเติบโตนี้ขับเคลื่อนด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ On Demand Services, Merchant Digital Solutions และ Payment & Financial Products เพื่อสร้าง Ecosystem ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าอย่างครบวงจร

 

เบื้องหลังความสำเร็จนี้เกิดจากการเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์สำคัญคือการเข้าซื้อกิจการ FoodStory ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจัดการร้านอาหาร (POS) เพื่อเสริมทัพธุรกิจฝั่งร้านค้าให้แข็งแกร่งขึ้นนอกจากนี้ บริษัทยังได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในการทำธุรกิจซอฟต์แวร์ เช่น การเปลี่ยนจากโมเดลให้ใช้ฟรีมาเป็นการคิดค่าบริการเพื่อเพิ่มการใช้งานจริงของลูกค้า การสร้างทีมขายที่แข็งแกร่งเพื่อเข้าถึงร้านอาหาร และการใช้กลยุทธ์ "ขายรายวัน" เพื่อลดอุปสรรคในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

Panyawat Puangladda, Founder & MD at Nomadic Growth

Building a Growth Engine for SaaS

 

โดย Panyawat Puangladda, Founder & MD at Nomadic Growth

 

หัวใจสำคัญคือการปรับเปลี่ยนแนวคิดจากการมองลูกค้าเป็นเพียงผลลัพธ์ปลายทาง มาสู่แนวคิดแบบ "วงล้อ" (Flywheel) ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยให้ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายขาย, และฝ่ายบริการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกลายเป็นแรงส่งให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องทำงานสอดประสานกัน ตั้งแต่การหาลูกค้าใหม่, การกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน, การรักษาลูกค้า, และการสร้างรายได้ โดยทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนรากฐานของการเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและการใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อน

 

การจะขับเคลื่อนเครื่องมือนี้ให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด ต้องอาศัยการเลือกใช้ส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) ที่เหมาะสมกับระยะการเติบโตและงบประมาณของบริษัท ทั้งนี้ต้องให้ความสำคัญกับ Product Marketing เพื่อกำหนดเรื่องราวและจุดขายที่ชัดเจนก่อนวางแผนการตลาดอื่นๆ ที่สำคัญที่สุดคือการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ เพื่อวัดผลตอบแทนจากการลงทุนในทุกกิจกรรม และการทำให้ทุกทีมมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อให้มั่นใจว่าทุกส่วนขององค์กรกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

 

คุณธนพงษ์ ณ ระนอง, Managing Partner of Beacon Venture Capital คุณประพันธ์ เจริญประวัติ, ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร, Executive Vice President at Digital Economy Promotion Agency (depa) คุณปริวรรต วงษ์สำราญ, รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

The SaaS Growth Blueprint: Backing Thai Startups from Seed to IPO (Panel)

 

โดย คุณธนพงษ์ ณ ระนอง,
Managing Partner of Beacon Venture Capital

คุณประพันธ์ เจริญประวัติ,
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์

ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร,
Executive Vice President at Digital Economy Promotion Agency (depa)

คุณปริวรรต วงษ์สำราญ,
รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 

จากเวทีเสวนา เผยให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจ Software-as-a-Service (SaaS) ยังคงเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เนื่องจากช่วยลดต้นทุนให้แก่ลูกค้าและง่ายต่อการเริ่มต้นในยุคคลาวด์ ปัจจุบันกระแส AI ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพไทย โดยไม่จำเป็นต้องสร้าง AI เอง แต่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์เฉพาะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพและในต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและเจาะตลาดที่ยังมีช่องว่างอยู่มาก

 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังควรแสวงหาโอกาสจากแหล่งเงินทุนและทรัพยากรสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากและพร้อมช่วยเหลือสตาร์ทอัพไทย ทั้งนี้ การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) เป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมาย แต่ไม่ใช่ทางออกเดียวเสมอไป หัวใจของความสำเร็จคือการที่ผู้ประกอบการต้องรู้จักจังหวะและเป้าหมายของตนเอง มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนแต่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง และออกแบบเส้นทางการเติบโตที่เหมาะสมกับธุรกิจของตน

 

คุณกฤษฎา ชุตินธร, CEO of FlowAccount

Scaling Product - Led Growth for SMEs

 

โดย คุณกฤษฎา ชุตินธร, CEO of FlowAccount

 

กลยุทธ์ Product-Led Growth คือการตอบสนองโดยตรงต่อพฤติกรรมของเจ้าของธุรกิจ SME ในยุคปัจจุบัน ที่มีเวลาจำกัด, งบประมาณน้อย, และต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและเห็นผลทันทีโดยไม่ต้องรอพนักงานขายมาสาธิต แนวทางนี้จึงเป็นการเปลี่ยนให้ "ตัวผลิตภัณฑ์" ทำหน้าที่เป็นพนักงานขายด้วยตัวเอง โดยสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกว่าสามารถทดลอง, ตัดสินใจซื้อ, และเริ่มใช้งานได้ทันที ซึ่งการเข้าใจและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับ "SME Mindset" ที่ต้องการความเร็วและความคุ้มค่านี้ คือหัวใจหลักที่ทำให้กลยุทธ์ Product-Led Growth ประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดกลุ่มนี้

 

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการหาลูกค้าใหม่ (CAC), การรักษาลูกค้าให้อยู่กับเรานานๆ (LTV), และการลดอัตราการยกเลิกบริการ (Churn) ที่สำคัญคือต้องไม่ยึดติดกับวิธีเดิมๆ แต่ต้องพร้อมที่จะปรับตัว เช่น การเพิ่มทีมขาย หรือการสร้างพาร์ตเนอร์ เพื่อพาธุรกิจให้ขยายตัวไปสู่ระดับต่อไป

 

คุณณิชา สืบวงศ์ลี, Head of Startup Business Development Manager, Thailand & Philippines, AWS

Integrating AI into SaaS

 

โดย คุณณิชา สืบวงศ์ลี, Head of Startup Business Development Manager, Thailand & Philippines, AWS

 

เทคโนโลยี Generative AI ได้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงกระแสมาสู่การใช้งานจริงในโลกธุรกิจแล้ว โดยองค์กรส่วนใหญ่ได้เริ่มนำ AI ไปใช้ในกระบวนการทำงานจริงและเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพการทำงาน สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคือคลื่นลูกใหม่อย่าง "Agentic AI" ซึ่งเป็น AI ที่มีความสามารถคล้ายมนุษย์ สามารถคิด วางแผน และตัดสินใจเพื่อทำงานที่ซับซ้อนให้สำเร็จได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่เรากำหนดเป้าหมาย เครื่องมือ และข้อมูลให้เท่านั้น

 

การนำ AI มาใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการวางแผนที่ชัดเจน ตั้งแต่การระบุปัญหาธุรกิจที่แท้จริง เลือกใช้โมเดลและเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน รวมถึงการสร้างกลยุทธ์ด้านข้อมูลที่มีคุณภาพและพร้อมใช้งานได้จริง นอกจากนี้ ระบบ AI ต้องถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับตัวและขยายได้ตามการเติบโตขององค์กร การลงทุนใน AI จึงไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ แต่เป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจอย่างแท้จริง

 

Jeffrey Char, Founder & CEO of SOGO Energy and Visiting Faculty at Sasin School of Management

The Lifelong Passion of Building and Making a Difference: A Serial Entrepreneur’s Journey

 

โดย Jeffrey Char, Founder & CEO of SOGO Energy and Visiting Faculty at Sasin School of Management

 

บทเรียนสำคัญในช่วงเริ่มต้นธุรกิจคือการหาลูกค้ารายแรกนั้นยากที่สุด หัวใจที่แท้จริงคือการค้นหาว่า "ใครมีปัญหา" แล้วพุ่งเป้าไปที่คนกลุ่มนั้นโดยตรง สิ่งสำคัญอีกประการคือการแยกให้ออกระหว่าง "ลูกค้า" ผู้ที่จ่ายเงินให้เรา กับ "ผู้ใช้งาน" ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกเสมอ นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำให้ "อย่ารีบเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทใหญ่จนกว่าจะพร้อม เพราะอาจทำให้เราทำงานช้าลง และควรสร้างทีมด้วยการดึงดูดคนที่ "ตื่นเต้นกับการแก้ปัญหา" มาร่วมงาน

 

เมื่อก้าวเข้าสู่ยุค AI กลายเป็นยุคที่ "ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน มีแต่คำถาม" ที่ต้องค้นหาอยู่เสมอ ความสามารถในการ "คิดค้นตัวเองใหม่อยู่ตลอดเวลา" (Reinvention) จึงกลายเป็นทักษะหลักที่ขาดไม่ได้ การจะสร้างบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ต้องกลับไปที่พื้นฐานคือการทุ่มเทสร้างความสุขให้ลูกค้าจนเกิดเป็น Network Effect ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักคิดนอกกรอบเพื่อหาทางสร้างรายได้ใหม่ๆ พร้อมกับหาทางหลีกเลี่ยงภาวะหมดไฟ เพื่อให้มีพลังในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ต่อไป

 

 

ผู้ร่วมงาน SaaS Connect Thailand 2025

 

การนำพาธุรกิจ SaaS ให้ประสบความสำเร็จในเอเชียนั้นต้องอาศัยมากกว่าแค่นวัตกรรม แต่ต้องอาศัย "วิสัยทัศน์" ที่กว้างไกลและเฉียบคม

 

สำหรับผู้นำและผู้ก่อตั้งที่เข้าร่วมงาน SaaS Connect Thailand 2025 และกำลังมองหาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพของตนเองและองค์กรไปอีกระดับ Sasin School of Management ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานในครั้งนี้ มีหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ Connect+ Executive MBA หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตสำหรับผู้บริหาร ที่ใช้เวลาเรียน 13 เดือนในรูปแบบไฮบริดที่ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับผู้ก่อตั้งและผู้นำในวงการเทคโนโลยีที่ต้องการขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียโดยเฉพาะ หลักสูตรนี้ผสมผสานกลยุทธ์ นวัตกรรม และความเข้าใจในตลาดระดับภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้คุณ:

  • เป็นผู้นำอย่างมั่นใจในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
  • สร้างเครือข่ายที่ทรงพลังข้ามอุตสาหกรรม
  • สร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับธุรกิจที่ไปไกลกว่าแค่ Product-Market Fit

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้บริหารยุคเทคโนโลยีรุ่นต่อไปที่จะร่วมกันกำหนดอนาคตของเอเชีย

 

ดาวน์โหลดโบรชัวร์: https://study.sasin.edu/sasin-connect-executive-mba?utm_source=corporate+relations&utm_medium=corporate+relations&utm_campaign=connect%2B

 

Sasin School of Management

SaaS Connect Thailand 2025

ความสำเร็จของงาน SaaS Connect Thailand 2025 จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้ง Beacon Venture Capital, AWS, ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI), ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiveX), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), Sasin School of Management, LINEMAN Wongnai และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ที่ร่วมกันผลักดันให้วงการ SaaS ของไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับทุกคนอีกครั้งในงานครั้งต่อไป เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตของ SaaS ประเทศไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก

 

About Author

รับวันใช้งานฟรี 30 วัน
เมื่อสมัครทดลองใช้ FlowAccount วันนี้
สมัครเลย