หลายคนที่เหนื่อยกับงานประจำ หรือกำลังมีความคิดที่อยากจะลาออกมาทำธุรกิจ หนทางอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด ถ้าไม่ได้คิดวางแผนก่อนออกมาทำธุรกิจ ถ้าได้รู้สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำธุรกิจแล้ว จะทำให้ทำธุรกิจได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน |
บทความนี้จะมาแชร์ข้อคิด โดยแบ่งเป็น 2 พาร์ตหลักๆ
พาร์ทแรก: เรามาคุยกับตัวเอง เช็คให้ชัวร์ก่อนว่าเราควรลาออกจริงๆ ไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้างหรือเปล่า
พาร์ทสอง: สำหรับคนที่ตอบตัวเองได้แล้วว่าอยากลาออกมาทำธุรกิจ มีอะไรที่ควรทราบบ้างในฐานะนักธุรกิจมือใหม่
เลือกอ่านได้เลย!
Toggleลาออกจากการเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน มาทำธุรกิจดีไหม
ลาออกจากการเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน มาทำธุรกิจดีไหม มีหลายข้อที่ควรคิดคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็น
1. ความอิสระในการตัดสินใจ แต่ขาดความแน่นอนทางการเงิน
ถ้าหากเราลาออกจากงานมาทำธุรกิจ เราจะได้เป็นนายตัวเองอย่างแท้จริง สามารถกำหนดทิศทางและเป้าหมายของธุรกิจได้อย่างอิสระ ไม่ต้องขึ้นอยู่กับใคร แต่รายได้และผลกำไรของธุรกิจมีความไม่แน่นอน อาจมีช่วงเวลาที่รายได้ไม่สม่ำเสมอ หรือธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่เหมือนตอนทำงานประจำที่ได้รับรายได้เท่ากันในทุก ๆ เดือน
2. ความยืดหยุ่นที่แลกมากับความเสี่ยง
เราสามารถบริหารจัดการเวลาและตารางการทำงานได้ด้วยตัวเอง มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม แต่การทำธุรกิจมีความเสี่ยง ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของตลาด การแข่งขัน และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ธุรกิจล้มเหลวได้ แล้วเราพร้อมรับกับความเสี่ยงนั้นไหม
3. โอกาสในการสร้างรายได้ไม่จำกัด ที่แลกมากับภาระความรับผิดชอบที่มากขึ้น
รายได้ของเราจะขึ้นอยู่กับความสามารถและความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ ซึ่งมีโอกาสที่จะสร้างรายได้ได้มากกว่างานประจำ แต่เราจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างของธุรกิจ ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินงาน การตลาด ไปจนถึงการจัดการการเงิน ซึ่งอาจเป็นภาระที่หนักอึ้งยิ่งกว่างานประจำก็เป็นได้
4. ความท้าทายและความก้าวหน้าที่มาพร้อมกับความเครียด
การทำธุรกิจจะทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ได้เผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ และมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าตอนทำงานประจำที่ไม่ได้มีแรงผลักดันอะไรมาก อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจอาจต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันจากการแข่งขัน อีกทั้งยังมีปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และความไม่แน่นอนของรายได้
5. ความภูมิใจที่ได้ทำสิ่งที่คิดเองที่ไม่มีสวัสดิการบริษัทอีกต่อไป
การได้สร้างธุรกิจของตัวเองให้เติบโตและประสบความสำเร็จ จะสร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกเติมเต็มในชีวิตของเราเองได้เป็นอย่างดี แต่แลกมากับการขาดสวัสดิการบริษัท เพราะการลาออกจากงานประจำหมายถึงการสูญเสียสวัสดิการต่าง ๆ ที่เคยได้รับ เช่น ประกันสุขภาพ เงินบำนาญ ค่าทำทันตกรรม เป็นต้น ซึ่งเราจะต้องหาทางจัดการด้วยตัวเองทั้งหมด
6. สิ่งที่ต้องคิดก่อนลาออกมาเริ่มธุรกิจของตนเอง
จงระลึกไว้เสมอว่า Passion ไม่นำมาซึ่งความสำเร็จเสมอไป ต้องมี Business model ว่าหาเงินได้อย่างไร
คิดแผนแล้วต้องตรวจสอบว่าทำได้จริงหรือไม่ หลายบริษัทเริ่มยอมรับให้พนักงานมีอาชีพที่ 2 ทำหลังเลิกงานได้
เบื้องต้นอาจไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำทันทีก็ได้ อาจค่อยๆ เริ่มทำธุรกิจเป็นงานพาร์ตไทม์ (Part-time) หรือเป็นงานอดิเรกไปก่อนก็ได้ เป็นโอกาสที่ดีในการทดลองทำธุรกิจขนาดเล็กในระหว่างทำงานประจำไปด้วย แล้วลองดูว่าถ้าทำเป็นงานเสริมจะเป็นอย่างไรบ้าง บางคนเป็นพนักงานบริษัทที่ลองมาทำ Chef Table ตอนเย็นก็มี แล้วให้เรื่องของการลาออกมาทำธุรกิจเต็มตัวเป็นเสต็ปต่อไป
สามารถทำธุรกิจที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นถ้ามั่นใจแล้ว จะลาออกแล้วมาเริ่มทำธุรกิจยังไงดี
เรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ บางคนอยากทำธุรกิจแต่ยังไม่มีไอเดีย ต้องการตามหาและทดลองไอเดียใหม่ ๆ บางคนมีงานอดิเรกหรือบางสิ่งที่ชอบแล้วอยากลองเอามาทำให้เป็นธุรกิจ
หากยังไม่มี คำแนะนำแรกที่เป็นไปได้ก่อนจะลาออกก็คือ การเริ่มต้นทดลองทำไอเดียธุรกิจนั้น ๆ โดยเริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน เริ่มจากอะไรที่อาจจะเป็นงานอดิเรกอยู่แล้วแล้วเอามาต่อยอด หรืออะไรที่คุณสามารถแบ่งเวลามาทำคู่กับงานประจำได้
สำหรับบทความ “ลาออกมาทำธุรกิจดีไหม” นี้ เราขอตั้งสมมติฐานว่า คุณที่มีแรงปรารถนาที่อยากทำธุรกิจอยู่ น่าจะกำลังมีงานอดิเรกที่ทำรายได้อยู่แล้ว หรือกำลังมีไอเดียในใจอยู่แล้ว ดังนั้นเราขอข้ามขั้นตอนเรื่องหาไอเดียไปเลย มาเป็นแนวคิดเรื่องการสร้างธุรกิจ
วิธีเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นธุรกิจ
1. หัวใจลูกค้า
- ทำราคาจับต้องได้ เน้นกระแสเงินสด ช่วงแรกอาจต้องยอมกัดก้อนเกลือกิน สู้กันด้วยคุณภาพ
- ถ้าลูกค้ามาซื้อซ้ำ แสดงว่าสินค้าเริ่มตอบโจทย์ แล้วเกิดการบอกต่อ ฐานลูกค้าจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
2. ขึ้นราคา
- ถ้า Capacity (ความสามารถที่จะรับ) เต็ม ต้องเริ่มขึ้นราคา มิเช่นนั้นลูกค้าจะต่อคิวยาวจนเกินไปแล้วเกิดความไม่พอใจ ราคาแพงขึ้น ถ้าแถวสั้นลง ลูกค้าพอใจกับการบริการมากขึ้น โดยการขึ้นราคาให้ลูกค้าไม่เสียความรู้สึก แล้วไม่ต้องรอนาน
- การเก็บ Data (ข้อมูล) จะทำให้รู้ว่าควรขึ้นราคาเท่าไร เช่น Waiting time (การรอคิว) Leaving queue (จำนวนคนที่ทิ้งคิว) จำนวนที่ร้านอาหารให้บริหารได้
3. ขยายทีม
- เริ่มจ้างคนเพื่อขยาย Capacity ต่อไปเพื่อเพิ่มกำไร
- การขยายสาขานั้นต้องอย่าลืมคงไว้ซึ่งการรักษาคุณภาพของสินค้า
ขยายทีมยังไงให้คุณภาพไม่ตก
1. Outsource งานที่คนอื่นทำแทนเราได้ทั้งหมด
เช่น การ Research หาข้อมูล การทำ Presentation การทำบัญชี เป็นต้น ถ้าค่าแรงการจ้างคนอื่นถูกกว่าค่าแรงของเรา ก็ควรจ้างคนเพิ่ม
แต่ถ้าหากยังไม่สามารถจ้างนักบัญชีได้ ใช้โปรแกรมเงินเดือน และโปรแกรมข้อมูลพนักงานที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นจาก FlowAccount ได้ จะทำให้เก็บข้อมูลได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ FlowAccount ยังมีบริการช่วยจดทะเบียนบริษัท โปรแกรมบัญชี โปรแกรม Payroll และระบบขายหน้าร้านอีกด้วย
2. สร้างตัวตายตัวแทน
สร้างคนที่สามารถทำแทนเราได้ทุกอย่าง โดยต้องทำงานกับเขาอย่างใกล้ชิดในช่วงแรกแล้วให้เขาทำแทนได้ 60-70% ของสิ่งที่เราทำ
3. สร้างระบบให้คนทำงานรูปแบบเดียวกัน
การสร้างระบบนั้นทำเพื่อให้คนทำงานในรูปแบบเดียวกัน ถ้าหากขยายธุรกิจช้าแล้วคุณภาพยังดี จะดีกว่าขยายธุรกิจเร็วแต่คุณภาพแย่ลง
ขยายธุรกิจถึงขนาดไหน
ธุรกิจเติบโตได้ดีและยั่งยืน ถ้าสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้ ส่วนจะขยายธุรกิจไปถึงขนาดไหน คงแล้วแต่ความฝันของแต่ละคน บางคนอยากทำธุรกิจขนาดเล็ก บางคนอยากทำธุรกิจขนาดใหญ่
วิสัยทัศน์ที่ต่างกัน จะนำมาซึ่งกลยุทธิ์ธุรกิจและการลงมือทำที่แตกต่างกัน
สำรวจความพร้อมของตนเอง
ก่อนทำธุรกิจควรสำรวจความพร้อมของตนเองในด้านต่าง ๆ มีดังนี้
1. ความรู้และทักษะในการทำธุรกิจ
เราควรประเมินความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการทำ ที่สำคัญควรรีเช็คว่ามีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจนั้นมากน้อยแค่ไหน มีทักษะที่จำเป็นในการบริหารจัดการ การตลาด การเงิน และบัญชีหรือไม่ หากขาดทักษะด้านใด ควรหาความรู้เพิ่มเติม หรือหาผู้ร่วมงานที่มีทักษะด้านนั้น
2. ความพร้อมทางการเงิน
เราควรประเมินค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายของธุรกิจในช่วงเริ่มต้น ธุรกิจส่วนใหญ่มักต้องใช้เวลาในการสร้างรายได้ เงินทุนสำหรับธุรกิจในช่วงเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ควรมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างน้อย 12 เดือน หรือมากกว่า เพื่อจะได้สบายใจในการใช้ชีวิต แล้วเพิ่มพลังไปกับการเริ่มต้นธุรกิจได้
3. ความพร้อมทางด้านจิตใจ
การทำธุรกิจด้วยตัวเองนั้น มีความท้าทายและความไม่แน่นอนสูง ไม่เหมือนกับพนักงานประจำที่มีเงินเดือนแน่นอนชัดเจน จึงจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง อดทน และพร้อมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงพร้อมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
วางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ
1. แนวคิดธุรกิจ
กำหนดแนวคิดธุรกิจที่ชัดเจน เปรียบเหมือนหลักยึดสำคัญที่ทำให้ทิศทางของธุรกิจเป็นไปในตามทางที่ต้องการ เป็นเหมือนแก่นของการทำธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งได้
2. กลุ่มเป้าหมาย
ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น เพื่อให้สามารถวางแผนการตลาดและพัฒนาสินค้า/บริการได้ตรงกับความต้องการ นอกจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว การรู้ความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน
3. แผนการตลาด
การวางแผนการตลาดที่ครอบคลุมนั้นสำคัญมาก ทั้งการสร้างแบรนด์ การโปรโมต การขาย และการรักษาลูกค้า การอัปเดตเทรนด์การตลาดก็สำคัญมากเช่นกัน คอยสืบว่ากระแสอะไรกำลังมา ผู้คนกำลังอินกับเรื่องอะไร แล้วจุดเด่นในธุรกิจของเรานั้นแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไรบ้าง สิ่งเหล่านี้ควรรู้ก่อนจะวางแผนการตลาด
4. แผนการเงิน
การวางแผนการเงินอย่างละเอียด ทั้งประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย และแหล่งเงินทุน รวมไปถึงการเตรียมเก็บเงินสำรอง กรณีที่ธุรกิจขาดสภาพคล่อง ถ้าหากได้วางแผนการเงินอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มตัดสินใจทำธุรกิจแล้ว จะทำให้ตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจได้อย่างสบายใจขึ้น
5. แผนการดำเนินงาน
ควรเช็คว่าเมื่อลาออกมาทำธุรกิจแล้ว จะสามารถวางแผนการดำเนินงานตั้งแต่การผลิต การจัดส่ง การบริการลูกค้า ไปจนถึงการบริหารจัดการภายในองค์กรได้หรือไม่ เพราะการวางแผนดำเนินงานเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องมีและทำต่อเนื่องตลอดการทำธุรกิจ
ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ก่อนตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจ ควรศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนธุรกิจ ภาษี และกฎหมายแรงงาน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง
1. ความไม่แน่นอน
การทำธุรกิจมีความไม่แน่นอนสูง ต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าหากรับความแน่นอนไม่ได้ อาจจะไม่เหมาะกับการลาออกมาทำธุรกิจก็เป็นได้
2. ความล้มเหลว
ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในการทำธุรกิจได้ทุกเมื่อ ควรเตรียมความพร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
3. ความสำเร็จ
ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลา ความพยายาม และความมุ่งมั่น การทำธุรกิจต้องมีความอดทนและไม่ย่อท้อ ถึงแม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ไม่ควรประมาทและหลงระเริง จะต้องมองหาเป้าหมายและคอยปรับปรุงธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
หาที่ปรึกษาและขอความช่วยเหลือ
1. ผู้มีประสบการณ์
ต้องลองคิดดูดี ๆ ว่าก่อนออกมาทำธุรกิจนั้น ได้ขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์และความผิดพลาดของพวกเขาหรือยัง
2. ที่ปรึกษาธุรกิจ
หาที่ปรึกษาธุรกิจเพื่อขอคำแนะนำในการวางแผนธุรกิจ การตลาด การเงิน และการดำเนินงาน เป็นสิ่งที่ควรทำตั้งแต่ก่อนลาออกจากธุรกิจ
3. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เป็นต้น
สรุป
คำถามที่ว่าควรลาออกมาทำธุรกิจไหม เป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ดีไปมากกว่าตนเอง โดยมีเกณฑ์ให้คิดและตัดสินใจหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจความพร้อมของตนเอง การวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ การศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง การหาที่ปรึกษาและการขอความช่วยเหลือ
โดยเราไม่จำเป็นจะต้องลาออกจากงานมาทำธุรกิจเต็มตัวทันที สามารถทดลองทำธุรกิจเป็นงานพาร์ตไทม์หรืองานอดิเรกไปก่อนได้ จะได้ลองดูว่าไปได้ดีจนอยากออกมาทำเต็มตัวหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจคือการมี Business Model หรือวิธีการหาเงินซึ่งจะต้องรู้ตั้งแต่ต้น
ทั้งนี้การวางระบบให้ดีตั้งแต่แรก จะทำให้การลาออกมาทำธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดี แต่ถ้ายังไม่แน่ใจอาจจะเริ่มทำธุรกิจระหว่างทำงานประจำไปก่อนก็ได้
FlowAccount เราตั้งใจที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดที่เป็นเพื่อนร่วมการกับว่าที่ผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจอย่างคุณค่ะ นอกจากเราจะเป็นทีมผู้พัฒนาโปรแกรมบัญชีที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดแล้ว เรายังมีคอร์สอบรมบัญชีสำหรับผู้ประกอบการให้มีความรู้ด้านบัญชี-ภาษี อีกทั้งเรายังให้คำปรึกษาและมีบริการจดทะเบียนบริษัท เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจอีกด้วยค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
About Author

ฟรีแลนซ์ที่เป็นทั้งนักเขียนอิสระ Creator หมอดู และ TikToker เป็นคนชอบไปงานอีเว้นท์พัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง แถมเป็นคนที่จบสถาปัตย์ที่ออกแบบ Content มากกว่าออกแบบบ้าน